พ.ต.อ.ทวี เทียบ "ประชาธิปไตย" กับ "เผด็จการ"

การเมือง
2 พ.ย. 62
18:44
8,274
Logo Thai PBS
พ.ต.อ.ทวี เทียบ "ประชาธิปไตย" กับ "เผด็จการ"
เลขาธิการพรรคประชาชาติโพสต์เฟซบุ๊กโอกาสครบ 1 ปี พรรคประชาชาติ ย้ำยึดแนวทางประชาธิปไตย ชี้ระบอบเผด็จการใช้ปืนหรือกำลังและระบบอุปถัมภ์ในการแก้ปัญหาของประชาชน

วันนี้ (2 พ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ที่ชื่อว่า "Tawee Sodsong - พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง" ในโอกาสครบ 1 ปี พรรคประชาชาติ ย้ำพรรคยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ชี้ระบอบเผด็จการใช้ปืนหรือกำลังและระบบอุปถัมภ์ในการแก้ปัญหาของประชาชน ให้ความสำคัญต่อกองทัพและรัฐราชการ ทุ่มงบประมาณไปที่เรื่องความมั่นคงของรัฐ มากกว่าความมั่นคงของประชาชน โดยมีข้อความดังนี้ 

1 ปีพรรคประชาชาติกับการสถาปนาประชาธิปไตยที่ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม

พรรคประชาชาติ ยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตยที่ส่งเสริม “สังคมพหุวัฒนธรรม” คือการให้ความสำคัญต่อมนุษย์ มีคุณค่า มีความเสมอภาค มีศักดิ์ศรี ที่เคารพในความแตกต่างหลากหลาย อันจะนำมาสู่ “ประชาชาติ” ที่พลเมืองมีความเสมอหน้าและสันติ

ซึ่งผู้บริหารและสมาชิกของพรรคเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวแก้ปัญหาของชาติที่มีความแตกแยก แบ่งเขาแบ่งเรา รวมถึงมีพื้นที่ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงให้กับประชาชนทุกชาติพันธุ์ของประเทศ

ความแตกต่างระหว่าง ระบอบประชาธิปไตย กับ ระบอบเผด็จการ คือ ระบอบประชาธิปไตย เป็นการใช้สันติวิธีหรือระบบคุณธรรมในการแก้ปัญหาของประชาชน ส่วนระบอบเผด็จการ เป็นการใช้ปืนหรือกำลังและระบบอุปถัมภ์ในการแก้ปัญหาของประชาชน

ในระบอบประชาธิปไตยมีพรรคการเมือง เป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนและเป็นศูนย์กลางเชื่อมระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ส่วนในระบอบเผด็จการ จะมีกองทัพและอำนาจรัฐที่เผด็จการที่ใช้อำนาจกับประชาชนให้จำยอม

พรรคการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความศรัทธาของประชาชนถ้าประชาชนไม่ศรัทธาพรรคการเมืองจะอยู่ไม่ได้ พรรคการเมืองจึงให้ความสำคัญ คือ นโยบายพรรค ที่แก้ปัญหาและความต้องการของประชาชน ส่วนเผด็จจะให้ความสำคัญต่อกองทัพและรัฐราชการโดยจะทุ่มงบประมาณไปที่เรื่องความมั่นคงของรัฐมากกว่าความมั่นคงของประชาชน

พรรคประชาชาติ มุ่งมั่นเป็นพรรคของคนไทยทุกคนทั้งประเทศ ต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ และมีวาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ

ประการแรก คือ ต้องสถาปนาเกิดจากความเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ยังไม่เป็นประชาธิปไตยต้องแก้ไข และเห็นว่าปัญหาของชาติไม่สามารถแก้ไขด้วยระบอบเผด็จ การแก้ไขต้องสร้างความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาให้ได้

ประการที่สอง คือ ต้องผลักดันมีการกระจายอำนาจลงไปสู่ระดับท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจในอนาคตของตัวเองได้ นี่คือกระบวนการที่เรียกว่าประชาธิปไตย

ประการที่สาม คือ ต้องมีความยุติธรรม เกิดมาเป็นมนุษย์จะยากดีมีจน แต่ค่าของชีวิตเท่ากันโดยเฉพาะอย่างยิ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความรักความสามัคคีก็คือการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นให้จงได้

ประการที่สี่ คือต้องมีการปฏิรูป คำว่าปฏิรูปในที่นี้คือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นโดยกระบวนการสันติวิธี และประชาธิปไตย

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง
เลขาธิการพรรคประชาชาติ

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง