"มึนอ" ภรรยาบิลลี่ ร่วมเวที UN สะท้อนปัญหาชนเผ่าพื้นเมือง

สังคม
14 พ.ย. 62
20:41
3,596
Logo Thai PBS
"มึนอ" ภรรยาบิลลี่ ร่วมเวที UN สะท้อนปัญหาชนเผ่าพื้นเมือง
"พิณนภา พฤกษาพรรณ" หรือ มึนอ ขึ้นเวทีรายงานสถานการณ์ชนเผ่าพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนนโยบายทวงคืนผืนป่า กระทบชนเผ่าพื้นเมืองป่าแก่งประจาน นำสู่ความขัดแย้งระหว่างรัฐ-ประชาชน เสนอยูเอ็น ยกเป็นกรณีตัวอย่างการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อนานาชาติ

วันนี้ (14 พ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแก่งกระจาน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ได้รับเชิญจากผู้จัดทำรายงานพิเศษองค์การสหประชาชาติ (UN) ด้านชนเผ่าพื้นเมือง สะท้อนปัญหาจากการประกาศเขตป่าอนุรักษ์ ที่ไม่มีกระบวนการปรึกษาหารืออย่างรอบด้าน นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชนพื้นเมือง


ช่วงหนึ่งของการสะท้อนปัญหา “มึนอ” ขึ้นเวทีแลกเปลี่ยนกับตัวแทนชนเผ่าพื้นเมืองจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และผู้แทนจาก UN ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ climate change เธอบอกว่า ขอพูดในฐานะสมาชิกชนเผ่าพื้นเมืองคนหนึ่ง และเป็นภรรยาผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

“มึนอ” เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในผืนป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังมีมติคณะรัฐมนตรี 3 ส.ค.2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เธอบอกว่า เดิมกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงป่าแก่งกระจาน ดำรงชีพด้วยการทำไร่หมุนเวียนแบบไม่ใช้สารเคมี ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในไร่หมุนเวียนจะปลูกทุกอย่างที่กินได้ เปรียบเสมือนตลาดนัดสีเขียวที่ทุกอย่างปลอดสารพิษ

เราทำปีต่อปี ปลูกพืชหมุนเวียนไปเรื่อยๆ เป็นไร่ซาก ไม่ได้ไปทำที่ใหม่ ไม่ได้โค่นต้นไม้ใหญ่ตามที่ออกข่าว ทำตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ปล่อยไว้ 7 ถึง 10 ปี ป่าจะฟื้นตัว และมีปุ๋ยภายในตัว ปลูกพืชไม่ต้องใช้ปุ๋ย ก็ได้ผลผลิต เราทำแบบนี้ไม่มีเงินสักบาทก็อยู่ได้ มีแค่เล็กๆ น้อยๆ ที่เราต้องใช้เงินซื้อ

“มึนอ” เล่าต่อว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแก่งกระจานเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าไปไล่รื้อ เธอให้ความเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐเป็นส่วนใหญ่ ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ซึ่งอาศัยอยู่กับป่า ทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น ที่ดิน

จำนวนหนึ่งไม่มีที่ทำกินเลย บางคนไม่มีบัตรประชาชน ต้องไปรับจ้างในเมือง ผลที่ตามมา คือ ถูกตำรวจจับ คนที่ไม่มีเงินประกันต้องติดคุก ทำให้กะเหรี่ยงป่าแก่งกระจานต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์ จนบางครั้งถูกมองในแง่ลบว่าทำเหตุการณ์วุ่นวาย

 

เส้นทางต่อสู้ที่ถูกส่งต่อจาก "ปู่คออี้" ถึง "บิลลี่"

ย้อนเรื่องราวการต่อสู้ของ “ปู่คออี้” หรือ นายโคอิ มีมิ ผู้อาวุโสชาวไทยพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานให้ความเคารพนับถือ กรณีเผาทำลายทรัพย์สินยุ้งฉาง จากปฏิบัติการ "ยุทธการตะนาวศรี" ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน ปี 2554 ก่อนเสียชีวิตแล้วอย่างสงบ ด้วยวัย 107 ปี ในปี 2561

“มึนอ” เล่าว่า หลังจากกรมอุทยานฯ อพยพ “ปู่คออี้” และชาวบ้านบางกลอย หรือ บ้านใจแผ่นดิน ในป่าแก่งกระจาน ลงมาอยู่ในแปลงจัดสรรที่บ้านโป่งลึก ซึ่งชาวบ้านอยู่ไม่ได้ เพราะที่ทำกินใหม่เป็นดินหินแข็ง เพาะปลูกแทบไม่ได้ ทำให้เกิดมหากาพย์ ผู้อาวุโสนักต่อสู้กับกรมอุทยานแห่งชาติ ที่ต่อมา ได้ทำให้ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของปู่คออี้ ถูกบังคับให้สูญหาย และพบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่มีอำนาจอะไรบางอย่าง คนจะถูกเรียกว่าเป็นแกนนำไม่ได้ เพราะจะถูกติดตามตลอด พอบิลลี่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ ก่อนไปเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ โดยลงสมัครสมาชิก อบต.เขาก็ติดต่อเครือข่ายข้างนอกให้ช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน แต่บิลลี่เป็นได้แค่ปีกว่า เขาก็ถูกทำให้หายไป

“มึนอ” บอกกับทุกคนว่า ปัจจุบันการถูกละเมิดสิทธิ์ของพี่น้องกะเหรี่ยงแก่งกระจานยังไม่จบ แต่คนในหมู่บ้านยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง เพราะกังวลว่าจะเกิดความสูญเสียเหมือนบิลลี่


ช่วงท้าย “มึนอ” ได้ฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนว่า อยากให้ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ โดยมองความเป็นมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน พร้อมระบุ อยากให้เสียงของเธอวันนี้ ดังไปถึง “นายกรัฐมนตรี” ให้ยอมรับในสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ของคนดั้งเดิมก่อนกำหนดนโยบายต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมานโยบายมาจากการกำหนดของส่วนบน ไม่เพียงกระทบต่อการใช้ชีวิตของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง หลาย ๆ นโยบาย โดยเฉพาะการทวงคืนผืนป่า ยังกระทบไปถึงชาวบ้านอื่น ๆ ด้วย

ทำไมเขาต้องเลือกปฏิบัติ โลกใบนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่ถูกสร้างขึ้นมาให้ทุกสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตอยู่ร่วมกันได้ หนูไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมต้องถูกเลือกปฏิบัติ อยากฝากถึงผู้ใหญ่ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ช่วยพยายามเข้าใจคนที่มีปัญหาด้วย

ส่วนกรณีที่มีการออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวกรวม 4 คน ภรรยาของบิลลี่ แสดงความเห็นกับผู้สื่อข่าวหลังปิดเวทีว่า กระบวนการติดตามผู้กระทำความผิดที่มีความคืบหน้า จะเป็นกรณีตัวอย่างการสร้างมาตรฐานการแก้ปัญหาเรื่องบังคับบุคคลสูญหาย และหากสามารถติดตามผู้กระทำผิดมารับโทษได้ ประเทศไทยน่าจะเป็นตัวอย่างและได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติที่ติดตามปัญหานี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ย้อน 5 ปีคดี "บิลลี่" ถึงวันที่ "ชัยวัฒน์" มอบตัว

จับตาผลกระดูกมนุษย์ 9 ชิ้น "คดีบิลลี่"

เครือข่ายกะเหรี่ยงจัดพิธีรำลึก "บิลลี่" ให้กำลังใจ "มึนอ"

"ผู้หญิงนักสิทธิ" เป้าโจมตีจากแรงผลักดันที่เจ็บปวด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง