วันนี้ (19 พ.ย.2562) นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) กำลังประสบปัญหาขาดทุน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น จาก 0.20 บาทต่อลิตร เป็น 4.726 บาทต่อลิตรเมื่อปี 2560 ทำให้บางสายการบินต้องทำการลดเที่ยวบิน หรือต้องหยุดบินในบางเส้นทางลง
ขณะนี้ นกแอร์ได้ยกเลิกเส้นทางบินในเส้นทางน่าน ร้อยเอ็ด และนครพนมไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการลดภาษีน้ำมันลง รวมถึงการสนับสนุนประเด็นการใช้บริการสนามบิน
หากราคาน้ำมันปรับขึ้นก็เป็นเรื่องที่ยากในการทำธุรกิจ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องลดเที่ยวบิน หรือหยุดบินในบางเส้นทางเพิ่ม โดยเป็นปกติของการธุรกิจ หากเห็นว่าไม่คุ้มทุนในการดำเนินการ
นอกจากนี้ ผู้บริหารนกแอร์ ยังได้กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสายการบินโลว์คอสต์ที่จะลดเที่ยวบินหรือหยุดบินซึ่งอาจไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากมีการบินไทยบินอยู่ โดยระบุว่า การบินไทยมีเส้นทางการบินตามหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหญ่ แต่เส้นทางจังหวัดเมืองรองต่างๆการบินไทยไม่ได้บิน ที่ผ่านมาภาครัฐเป็นผู้ร้องขอให้สายการบินโลว์คอสต์เปิดเส้นทางการบินในเมืองรอง และเกือบทั้งหมดในเส้นทางดังกล่าวประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากไม่มีผู้ใช้บริการ ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาด้วย
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) เวลา 13.30 น. อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมผู้บริหารกรมสรรพสามิต ได้มีการเรียกประชุมผู้แทนสายการบิน และผู้ผลิตน้ำมันเครื่องบิน เพื่อหารือถึงแนวทาง และความเป็นไปได้ในการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมันเครื่องบิน ที่กรมสรรพสามิต