จุดเปลี่ยนการเมือง หลังตีตก กมธ.ม.44

Logo Thai PBS
จุดเปลี่ยนการเมือง หลังตีตก กมธ.ม.44
อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ 2” เดินหน้าสะดวกขึ้น เมื่อรวมเสียงตีตก ญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากมาตรา 44 ได้ หลังต้องเผชิญบททดสอบมากมาย ท่ามกลางรัฐสภาที่เปิดกว้าง และพร้อมล่มเรือเหล็กได้ตลอดเวลา

"ชีวิตผมหายไปนาน แต่เพื่อความกระจ่างผมขอคำถามเดียว ใครเป็นคนสั่งขังผมครับ"

"ศาลครับ"

นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา “ไผ่ ดาวดิน” นักศึกษาและอดีตผู้ต้องโทษคดีหมิ่นสถาบันฯ ยังได้เข้าสภา ตั้งคำถามใส่ผู้แทนกองทัพ อย่าง พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี (เสธ.พีท) ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 22 อดีตหัวหน้าฝ่ายข่าว กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น ในฐานะผู้เข้าแจ้งความ ก่อนที่นายจตุภัทรจะต้องคำพิพากษาจำคุกรวม 2 ปี 6 เดือน


ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฟากฝั่งรัฐบาลแน่นอน หากจะเกิดกรณีลักษณะคล้ายกัน โดยเฉพาะเมื่อมีญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบ การกระทำ ประกาศ คำสั่ง คสช.และคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44

รศ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.อนาคตใหม่ ใช้ภาษาดอกไม้อภิปรายเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตั้ง กมธ.ชุดนี้ สาระสำคัญ คือ เพื่อศึกษาการใช้อำนาจของ คสช.ว่ามีผลอย่างไร และอาจศึกษาประกาศคำสั่งคณะรัฐประหารชุดอื่นด้วย

กมธ.ชุดนี้ ไม่อาจบังคับสั่งรัฐบาลได้ ไม่อาจดำเนินคดีหัวหน้าคณะรัฐประหาร เน้นคำสั่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และจะมีบทสรุปเพียงแค่เล่มรายงานเสนอสภา ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

แต่ปฏิเสธไม่ได้ หากใครจะตีความ ถึงการเปิดโอกาสให้ได้ขุดคุ้ย-รื้อฟื้น-ทวงถาม-ตำหนิ-ประจานเหตุการณ์ในช่วง 5 ปี คสช.
และไม่เป็นเรื่องดี หากกลไกนี้สามารถเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้เคยชินกับการสื่อสารทางเดียว (one-way communication) ต้องมาเผชิญหน้ากับกรรมาธิการที่มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและกรรมาธิการสัดส่วนคนนอก

เป็น “ขาประจำ” ที่รอจองกฐิน และพร้อมนำข้อมูลที่ได้มาขยายความต่อนอกห้องประชุม

นี่อาจเป็นเหตุให้พรรคพลังประชารัฐ ต้องเชิญพรรคร่วม แถมฝ่ายค้านอิสระ 2 คน รับประทานอาหารเย็นที่สโมสรราชพฤกษ์ ตอกตะปูเสริมฐานให้มั่นคง ต้องไม่มีสภาล่มรอบ 3 ต้องไม่เกิดองค์ประชุมไม่ครบ และต้องไม่แพ้โหวตเด็ดขาด ก่อนจะทำได้สำเร็จจริงๆ ท่ามกลางเสียงโล่งอกโล่งใจของ ส.ส.ขั้วรัฐบาล หลังเห็นตัวเลของค์ประชุม 261 เสียง ให้นับคะแนนใหม่ ก่อนตีตกญัตติไปได้

แม้จะเกิดการแตกแถว ของ ส.ส.ปชป. 4 คน หนึ่งในนั้นคือ นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งออกมายอมรับภายหลังว่าคงต้องปรับตัว เพื่อไม่สร้างปัญหาทั้งภายในองค์กร และระหว่างพรรคร่วม แต่เกมนี้ ปชป.กิน 2 ต่อ ทั้งพารัฐบาลไปได้ และหลังพิงอุดมการณ์พรรคที่ต้อง “ไม่สนับสนุนเผด็จการ”

จึงไม่จำเป็นต้องหักหาญน้ำใจกันและกัน หากยังแพ้ศึกเล็กน้อย แต่ประคองตัวชนะสงครามใหญ่ได้ ทำให้ฝ่ายค้านเองก็กดดันมากขึ้น
เพราะแม้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำสะดุดขาตัวเองหลายครั้ง แต่ยังปิดบัญชีในสภาฯ ไม่ได้

ปัญหาภายในก็หนักหน่วง อย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรค ออกมาแถลงเมื่อ 9 ธันวาคม 2562 ยอมรับไม่สามารถควบคุม 5 เสียงที่เหลือได้ และอ้างว่า “โดนหลอก” มาตั้งแต่ 4 เดือนก่อน


ก่อนหน้านี้มีเรื่องว่าส.ส.ของพรรค จำนวน 4 คนเป็นงูเห่า ผมเคยเรียกมานั่งคุยและถามว่าคุณไปรับประโยชน์จากใครมาหรือไม่ ซึ่งเขายืนยันว่าไม่มี และผมได้ให้ ส.ส.ของพรรคมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนยืนยัน ย้ำหลายรอบ 1.ไม่มีงูเห่า 2.ให้ผม (มิ่งขวัญ) และรักษาการหัวหน้าพรรค (สุภดิช อากาศฤกษ์) พูด 2 คน แต่พอคุณสุภดิชพูดจบก็เอาไมโครโฟนให้เลขาธิการพรรคแถลงต่อ” 

ซึ่งวันนั้น นายภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค ย้ำเรื่องเอกสิทธิ์ที่จะลงมติ และขอทุกฝ่ายอย่าอ้างชื่อพรรคไปเป็นมติร่วม โดยไม่มาคุยกันก่อน

ท่ามกลางกระแสดูด ส.ส.ข้ามขั้ว เพื่อแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ มติพรรคร่วมไม่ทำให้เสียงโหวตไปในทิศทางเดียวกันได้ มองหน้ากันไม่ติด สูญเสียความไว้วางใจต่อกัน และจากผลโหวตไม่ตั้ง กมธ.วิสามัญเรื่องมาตรา 44 สะท้อน “โมเมนตัม” ที่เหวี่ยงมาทางรัฐบาล

หากปล่อยให้เวลาผ่านไป ไพ่สำคัญในมือ อย่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือกรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงไม่บรรลุเป้าหมาย
และจะทำให้เสียงมวลชนดังขึ้นเรื่อยๆ เร่งเร้าให้พวกเขานำขบวนสู่การเมืองบนท้องถนน

จตุรงค์ แสงโชติกุล 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง