จำคุก 2 ปี “เบญจา” คดีช่วย “โอ๊ค-เอม” เลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ

การเมือง
26 ธ.ค. 62
13:00
4,491
Logo Thai PBS
จำคุก 2 ปี “เบญจา” คดีช่วย “โอ๊ค-เอม” เลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ
ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดี “เบญจา” อดีต รมช.คลัง ช่วย “พานทองแท้-พินทองทา” ไม่เสียภาษีซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ เสียหายกว่า 7.9 พันล้านบาท

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร ,น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ,น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ,นายกริช วิปุลา นุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ให้นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร (คุณากรวงศ์) บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย จากกรณีการซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 เสียหายกว่า 7.9 พันล้านบาท

วันนี้จำเลยที่ 1-5 มาศาล เบื้องต้นศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาทุกข้อของจำเลยที่ 1-5 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1-4 อ้างว่า ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนทั้งทางอาญาและทางวินัย ขอให้ศาลลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า พฤติการณ์การกระทำผิดดังกล่าวร้ายแรง

ส่วนจำเลยที่ 5 น.ส.ปราณี มีพฤติการณ์ปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงไม่ลงโทษสถานเบา อย่างไรก็ดีจำเลยที่ 1-5 ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงพิพากษาแก้โทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 โดยจำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 5 น.ส.ปราณี ฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 ในการนัดหมายอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยที่ 5 น.ส.ปราณี อ้างว่า ป่วยกะทันหัน เป็นโรคบ้านหมุน ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย. 2562 โดยทนายจำเลยที่ 5 น.ส.ปราณี มีใบรับรองแพทย์มายื่นคำร้องขอให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาไปก่อน ศาลฯ พิเคราะห์แล้ว น่าเชื่อว่าป่วยจริง จึงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2562 เวลา 10.00 น.

สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น นางเบญจา น.ส.จำรัส น.ส.โมรี และนายกริช มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 83 จำคุกคนละ 3 ปี ส่วน น.ส.ปราณี มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมด จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

สำหรับรายละเอียดคดีนี้ จำเลยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า ไม่ให้นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย จากกรณีการซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164.6 ล้านบาท ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท (ราคาตลาดขณะนั้น 49.25 บาท) ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้นคนละ 7,941,950,000 บาท (ราว 7.9 พันล้านบาท) ทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง