คนกรุงรับสภาพอากาศปิด "วิกฤตฝุ่น" หนักสุดเช้านี้

สิ่งแวดล้อม
16 ม.ค. 63
08:57
1,651
Logo Thai PBS
คนกรุงรับสภาพอากาศปิด "วิกฤตฝุ่น" หนักสุดเช้านี้
เช้านี้ (16 ม.ค.) พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สภาพอากาศปิด ทำให้ฝุ่นสะสมตัว และนับว่าจะเป็นวันที่วิกฤตอีกวันที่ฝุ่นจะมากผิดปกติ เพราะสภาพอากาศปิด คือลมสงบ การลอยตัวของอากาศไม่ดี และเกิด Inversion หรือการผกผันของอุณหภูมิตามมาด้วย

วันนี้ (16 ม.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศเช้านี้ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะปิด ทำให้ฝุ่นสะสมตัว และนับว่าจะเป็นวันที่วิกฤตอีกวันที่ฝุ่นจะมากผิดปกติ เพราะสภาพอากาศปิด คือลมสงบ การลอยตัวของอากาศไม่ดี และเกิด Inversion หรือการผกผันของอุณหภูมิตามมาด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการสะสมของฝุ่นด้วย เพราะถ้าเป็นสภาพตามปกติ อากาศข้างล่างจะร้อน และอากาศร้อนเป็นอากาศที่เบาจะลอยตัวขึ้นไป และเมื่อลอยตัวสูงขึ้นไปอากาศจะเย็นลงตามลำดับ แต่พอเกิด inversion หรือการผกผันของอุณหภูมิ จะส่งผลตรงข้าม เพราะทำให้อากาศด้านบนจะอุ่นกว่าด้านล่าง พอเป็นแบบนั้นอากาศด้านล่างก็เลยลอยขึ้นไปไม่ได้ เหมือนมีฝาครอบไว้ ฝุ่นก็เลยมีโอกาสที่จะสะสมตัวมากขึ้น

 

อากาศลอยตัวไม่ดี ฝุ่นสะสมตัว

ทั้งนี้ ข้อมูลการลอยตัวของอากาศจากแบบจำลองของศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าเช้าวันนี้ไปจนถึงช่วงค่ำ บริเวณตอนบนของประเทศไทยจะมีสีเหลือง และเขียวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบ่งบอกถึงการลอยตัวของอากาศที่เป็นลบ หรือไม่ค่อยจะดี เพราะถ้าอากาศจะลอยตัวได้ดีต้องมีสีแดงๆ เข้มๆ ขึ้นไป ดังนั้น เมื่อการลอยตัวของอากาศไม่ดี ฝุ่นจึงมีโอกาสที่จะสะสมตัวได้

 

ลมไม่แรงพอที่จะพัดฝุ่นออกไป

ส่วนข้อมูลเรื่องลมจากวินดี้ ตั้งแต่เวลา 24.00 น. จนเวลา 23.00 น. ของวันนี้ (16 ม.ค.) จะพบว่าช่วงเช้าลมบริเวณกรุงเทพฯ มีความเร็วลมอยู่ที่ประมาณ 5-8 นอต ซึ่งมีความเร็วเพียงพอที่จะพัดพาเอาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ไปได้ แต่พอถึงช่วงเวลา 12.00 น. จนถึงช่วง 23.00 น. ลมจะอ่อนลง มีความเร็วประมาณ 2-3 นอต ซึ่งมีความเร็วหรือแรงไม่พอที่จะพัดฝุ่นออกไปได้

 

ภาคเหนือตอนบน ฝุ่นสะสมทั้งวัน

ขณะที่ภาคเหนือตอนบนลมที่พัดอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นลมเบา อาจจะไม่แรงพอที่จะพัดเอาฝุ่นออกไปได้เช่นกัน หากรวมปัจจัยเรื่องลม และการลอยตัวของอากาศ จึงมีความเป็นไปได้ที่ภาคเหนือตอนบนฝุ่นสามารถสะสมตัวได้ตลอดทั้งวัน ขณะที่กรุงเทพฯ ฝุ่นมีโอกาสลดลงหรือไม่เพิ่มขึ้นในช่วงเช้า แต่ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ฝุ่นจะสะสมตัวได้ดีขึ้น ตามที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุไว้ก่อนหน้านี้

10 พื้นที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ต้องกังวลมากนัก ข้อมูลคุณภาพอากาศจากเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th/ ในวันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. พบว่าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเพียง 10 พื้นที่ ที่มีฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน หรืออยู่ในระดับสีส้ม คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ ริมถนนดินแดง เขตดินแดง มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 58 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนพระราม 3-เจริญกรุง เขตบางคอแหลม มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

 

นอกจากนี้ ยังมีบริเวณริมถนนซอยสุขุมวิท 63 เขตวัฒนา ไม่ได้ระบุค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก, ริมถนนนวมินทร์ แยกบางกะปิ เขตบางกะปิ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ริมถนนสามเสน เขตพระนคร มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 54 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, แขวงคลองเตย เขตคลองเตย มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 54 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 54 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง