เตือน! ผู้ปกครองดูแลเด็ก "กลุ่มเสี่ยง" ช่วงฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน

สิ่งแวดล้อม
18 ม.ค. 63
16:04
4,534
Logo Thai PBS
เตือน! ผู้ปกครองดูแลเด็ก "กลุ่มเสี่ยง" ช่วงฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน
กรมควบคุมโรค แนะประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นพิษ แนะดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์มีการเตือนหลังพบเด็กป่วยป่วยระบบทางเดินหายใจมีอาการแพ้อย่างหนักช่วงฝุ่นเกินมาตรฐาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

โพล เผย คนกรุงมองหน่วยงานรัฐไร้ประสิทธิภาพแก้ "วิกฤตฝุ่น"

คนกรุงอ่วม! ลมสงบ-เจอภาวะ "ฝาชีครอบ" ทำฝุ่นสะสม

เรียกร้องหยุดเผาไร่อ้อยใน จ.สระแก้ว

โซเชียลเดือด! กระทุ้งรัฐเร่งสางฝุ่นพิษ - แนะกทม.ปิดโรงเรียน

วันนี้ (18 ม.ค.2563) เฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ได้เผยแพร่รูปภาพเด็กที่มีอาการปากบวม มีผื่นแดงตามลำตัวและแขน รวมถึงการเสมหะและน้ำมูกเป็นสีแดงคล้ายผสมเลือด พร้อมเขียนข้อความ ระบุว่า เตือนภัย PM2.5 เกินมาตราฐาน เมื่อวานอยู่เวรนอน รพ. เป็นวันที่ค่า PM2.5 สูงมาก เกือบ 150-200 เห็นผลเลย เป็นวันที่เด็กป่วยระบบทางเดินหายใจเยอะมาก

  • ไข้หวัด คัดตมูก ไอ น้ำมูกไห ตาแดง คัน จาม ไอเป็นเลือดมีเสมหะปน
  • หอบหืดกำเริบ หายใจเร็ว
  • หลอดลมกำเริบ. อักเสบ
  • อาการแพ้ ลมพิษ ผื่นนูนแดง คัน ปากบวม ผิวหนังผื่นแพ้ 

แนะนำ

  1. หลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน ถ้าไม่จำเป็น งดกิจกรรมนอกบ้าน
  2. จำเป็นต้องออก ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
  3. ควรเช็คสภาพอากาศ เครื่องวัด PM เครื่องกรองอากาศเครื่องฟอกอากาศ
  4. จิตสาธารณะ งดเผาหญ้า สร้างมลพิษ งดจุดไฟ งดจุดธูปเทียน

 

ฝุ่นPM 2.5 กระตุ้นการเกิดผื่นคัน ทำร้ายเซลล์ผิวโดยตรง

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ฝุ่นละอองในอากาศเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นทั่วโลกและกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑลและอีกหลายจังหวัด ซึ่งนอกจากจะทำให้มีปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนังด้วยเช่นกัน

ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่างๆ และนำพาเข้าสู่ผิวหนัง มีผลทำร้ายเซลล์ผิวหนังโดยตรง และทำให้การทำงานของเซลล์ผิวหนังผิดปกติไป ทั้งในด้านกลไกการป้องกันของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและการซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคันที่ผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิมอยู่แล้ว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบ จะมีการระคายเคืองคันมากยิ่งขึ้น ผื่นกำเริบมากขึ้นได้

กรมควบคุมโรคแนะดูแลกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ

ขณะที่ นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า จากกรณีที่พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรมควบคุมโรคได้สั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดดำเนินการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสื่อสารและประชาสัมพันธ์ความรู้ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

เนื่องจากค่า PM 2.5 ในแต่ละจุดในแต่ละเวลามีความแตกต่างกัน ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจึงขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ ได้แก่

  1. ตำแหน่งที่อยู่อาศัยหรือตำแหน่งที่ทำกิจกรรม
  2. ช่วงเวลาและระยะเวลาที่สัมผัส
  3. ชนิดของกิจกรรมที่ทำในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูง เช่น ออกกำลังกายกลางแจ้ง ทำงานกลางแจ้งจะมีความเสี่ยงที่จะได้รับ PM 2.5 มากกว่า กลุ่มคนที่ออกกำลังกายในที่ร่ม หรือทำงานในอาคาร
  4. ปัจจัยเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหืด ภูมิแพ้ หากได้รับมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป

นพ.ขจรศักดิ์ ระบุอีกว่า สำหรับประชาชนที่มีบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วย 4 กลุ่มโรคสำคัญ ขอให้สังเกตอาการ ดังนี้

  1. กลุ่มโรคหัวใจ และหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว
  2. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ
  3. กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย
  4. กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา น้ำตาไหล และตาแดง หากสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว


ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ ดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ปิดประตู/หน้าต่างให้มิดชิด ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้านหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะบริเวณหรือเส้นทางที่มีฝุ่นขนาดเล็กหนาแน่น

หากจำเป็นควรป้องกันการสัมผัสฝุ่นให้น้อยที่สุด โดยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก และที่สำคัญควรสวมใส่หน้ากากอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ผู้ที่เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ควรป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากาก แว่นตา เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันฝุ่น เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนัง 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง