เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แถลงเปิดเผยแผนสันติภาพตะวันออกกลางที่ทำเนียบขาว โดยระบุว่า แผนดังกล่าวเป็นแผนที่ทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และย้ำว่าแผนนี้จะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับท่าทีของปาเลสไตน์ว่าจะตอบสนองอย่างไร นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐฯยังระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับชาวปาเลสไตน์แล้ว
การแถลงครั้งนี้มีเพียงเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเข้าร่วมปราศจากตัวแทนของปาเลสไตน์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้นำปาเลสไตน์ปฏิเสธแผนดังกล่าว พร้อมทั้งกล่าวหาว่าแผนนี้เป็นกระบวนการสมรู้ร่วมคิดซึงมีที่มาจากอคติของผู้นำสหรัฐฯ ที่สนับสนุนอิสราเอล
โดยสาระสำคัญของแผนดังกล่าวคือ การรับรองเอกราชของปาเลสไตน์และอำนาจอธิปไตยของอิสราเอล เหนือถิ่นที่อยู่ของชาวอิสราเอลในเขตเวสต์ แบงค์ พร้อมให้สถานะเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลแต่เพียงฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ยังกำหนดให้เมืองหลวงของปาเลสไตน์อยู่ในเยรูซาเลมตะวันออก โดยสหรัฐอเมริกาจะเข้าไปตั้งสถานเอกอัครราชทูตในพื้นที่นี้ด้วย ส่วนดินแดนของปาเลสไตน์จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบันกว่า 2 เท่า พร้อมทั้งย้ำว่าแผนการนี้จะไม่ทำให้ชาวอิสราเอลหรือปาเลสไตน์คนใดต้องละทิ้งบ้านเรือนของตนเอง