วันนี้ (5 ก.พ.63) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่วิปรัฐบาลยื่นขอให้แก้ไขถ้อยคำในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะในสมัยก่อนไม่เคยมีการใช้คำที่รุนแรง หรือเกิดเหตุแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่มักสงวนไว้ แต่จะหลุดปากพูดในสภาแทน
ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าคำกล่าวหาในญัตติไม่ถือว่ารุนแรง เพราะนี่คือการกล่าวหา รายละเอียดทั้งหมดขึ้นอยู่กับการชี้แจงในสภา และทั้งหมดอยู่ที่การควบคุมของประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีข้อบังคับที่ 69 การอภิปรายจะต้องไม่ใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือย วกวน ซ้ำซาก และหยาบคาย หรือเอ่ยพาดพิงถึงสถาบัน หรือบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น ซึ่งถือเป็นบทบัญญัติที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งการยื่นญัตติในครั้งนี้ไม่ได้มีข้อบังคับ และไม่คาดคิดว่าจะมีแบบนี้
สำหรับในแง่ของรัฐมนตรีทั้ง 6 คนไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหา เพราะหากมีญัตติอย่างไรก็พร้อมที่จะชี้แจง ส่วนจะมีการเอาผิดถ้อยคำที่รุนแรงหรือไม่ ในญัตติไม่ได้ระบุเอาไว้ แต่การอภิปรายที่มีการถ่ายทอดสดกฎหมายไม่ได้คุ้มครอง หากมีการอภิปรายคำพูดที่ไม่สมควร ใครรู้สึกว่าตนเองได้รับความเสียหายสามารถฟ้องร้องได้ แต่ก็เชื่อว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรสามารถควบคุมให้อยู่ในกรอบการประชุมได้
นายวิษณุยังระบุว่าการอภิปรายในครั้งนี้ จะไม่มีองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี แต่หากจะมีก็เป็นเพียงการปกป้องระบบระเบียบของที่ประชุมสภาเท่านั้น หรือส่วนที่กระทบต่อความเป็นรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่ได้สนิมสร้อย
ทั้งนี้นายวิษณุ ยังระบุว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมามีการกำหนดไว้ว่าจะมีการอภิปรายในช่วงวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป เพราะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคนสะดวก โดยเฉพาะนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ และได้เลื่อนการประชุม ครม.มาเป็นวันจันทร์ที่ 24 กพ.แทน
ทุกคนพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่หากในสภามีการพาดพิงถึงรัฐมนตรีคนใด เจ้าตัวก็สามารถลุกขึ้นชี้แจงได้ เพราะถือว่าบุคคลนั้นมีข้อมูล ในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานนั้นๆ รัฐมนตรีทุกคนจึงจำเป็นต้องเตรียมข้อมูลไว้พร้อมยืนยันว่ารัฐมนตรีทั้ง 6 คนไม่กลัวการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะทุกคนเห็นญัตติแล้วสามารถตอบได้ และไม่ห่วงใครในการอภิปรายครั้งนี้