แพทย์ชี้แจงการดูแลคนไทยจากอู่ฮั่น 7 วันแรก

สังคม
11 ก.พ. 63
10:11
186
Logo Thai PBS
แพทย์ชี้แจงการดูแลคนไทยจากอู่ฮั่น 7 วันแรก
แพทย์จาก รพ.สมเด็จ​พระนางเจ้า​สิริกิติ์​ ชี้แจงการดูแลคนไทยกลับจากอู่ฮั่น, เจ้าหน้าที่ และบุคลากร หลังจากรับตัว 4 คนไทยจากอู่ฮั่นเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกหลังเครื่องบินลงจอด เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 จนถึงวันนี้ (11 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันที่ 7

วันนี้ (11 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การนำคนไทยกลับบ้านฯ นำแพทย์จาก รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ มาอธิบายถึงการดูแลคนไทยกลับจากอู่ฮั่น, เจ้าหน้าที่ หอพักผู้ป่วยแยกโรค และบุคลากร อาคารพักรับรอง หลังจากรับตัว 4 คนไทยจากอู่ฮั่นเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่วันแรกหลังเครื่องบินลงจอด เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 จนถึงวันนี้ (11 ก.พ.) กับแผนปฏิบัติการนำคนไทยกลับบ้านฯ และพักฟื้นสังเกตการเข้าสู่วันที่ 7

เปิดขั้นตอนดูแล 4 คนไทยจากอู่ฮั่น

น.ต.พญ.ปฐวี บุญตานนท์ แพทย์ฝ่ายบริการสุขภาพฯ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เปิดเผยว่า ก่อนที่จะมีการรับตัว 4 คนไทยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากอู่ฮั่นเข้ามาที่โรงพยาบาล มีการเตรียมทีมพยาบาลที่จะดูแลผู้ป่วย เนื่องจากต้องใช้พยาบาลที่มีความรู้ความชำนาญในการแต่งชุดป้องกันในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ รวมทั้งอุปกรณ์และระบบที่ยังไม่เคยฝึกใช้ ซึ่งเป็นการนำแผนที่วางไว้มาใช้ และมีการประชุมทีม ซึ่งประกอบไปด้วยอายุรแพทย์ติดเชื้อ อายุรแพทย์โรคปอด ทีมพยาบาลป้องกันและติดเชื้่อในโรงพยาบาล รวมทั้งพยาบาลป้องกันโรคติดเชื้อประจำตึกต่างๆ มีการตั้งตึกแยกโรค และเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกัน เพื่อใช้ในผู้ป่วย เตรียมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เส้นทางในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากสนามบินอู่ตะเภามายัง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ประสานกระทรวงสาธารณสุขในการรับผู้ป่วยและส่งไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ในวันแรก จะมีแพทย์และพยาบาลที่เข้าไปสัมผัสผู้ป่วย เพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนเหล่านี้นอกจากการดูแลผู้ป่วยแล้ว การดูแลบุคลากรในโรงพยาบาลเป็นหน้าที่สำคัญ เพราะหน้าที่คือการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล จะต้องดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัย ขณะเดียวกัน ต้องดูแลเจ้าหน้าที่ให้ปลอดภัย การแต่งตัว การป้องกัน และถอดอุปกรณ์ป้องกัน

ทั้งนี้ กระบวนการต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วยจะต้องมั่นใจว่าไม่มีการเอาเชื้อที่อยู่ห้องผู้ป่วยออกมาสู่ข้างนอกและติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ป่วยคนแรกมาถึงประมาณเวลา 21.00 น. ของวันที่ 4 ก.พ. และให้การดูแลจนเสร็จสิ้นกระบวนการและแยกย้าย เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.2563 หลังจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ รอผลตรวจ และให้การรักษาในคืนแรกแล้ว

4 คนป่วยไม่พบสารพันธุกรรมโคโรนา

น.ต.พญ.ปฐวี กล่าวว่า หลังจากนั้น ในเช้าวันถัดไป มีการดูแลรักษาแบบปกติทั่วไป ซึ่งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้นจากข้อมูลที่ออกมาล่าสุดมีกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มเดียวที่จะมีอาการรุนแรง มักจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัวต่างๆ ซึ่งผู้ที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังที่มาที่โรงพยาบาล ซึ่งพอเห็นคนไข้ครั้งแรก ค่อนข้างมีความกังวลว่าผู้ป่วยจะอาการแย่หรือไม่ แต่พอเห็นคนไข้และได้ซักประวัติแล้ว พบว่าเป็นคนที่มีอายุและร่างกายไม่น่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในภายหลัง

ดังนั้น การให้ความดูแล จึงดูแลตามปกติไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย และที่สำคัญคือทางจิตใจ เพราะเขาคาดหวังว่าจะได้กลับบ้าน และจะกลับอย่างปลอดภัย ฉะนั้น ในการที่มาอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ได้เจอใคร จะมีบางคนที่มีสภาพจิตใจค่อนข้างเปราะบาง การดูแลทั้งตึกต้องดูแลส่วนนี้ด้วย ซึ่งการดูแลผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนตรวจแล้วไม่มีสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และทุกคนอาการดีแล้ว

ให้ความรู้ "เจ้าหน้าที่-บุคลากร" ก่อน

สำหรับการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 2-7 ไม่ได้แตกต่างจากการดูแลคนทั่วไป ส่วนที่เพิ่มเติมมาคือการดูแลป้องกันการปนเปื้อนมากกว่า เช่นเดียวกับการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในโรคระบาดเหล่านี้ ซึ่งในปัจจุบันจะมีการซักถามอาการและสภาพจิตใจ ซึ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ขณะเดียวกัน การดูแลผู้ป่วย บุคลากรในโรงพยาบาลเอง พอเขาทราบว่า รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จะต้องรับผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ซึ่งจากการสอบถาม พบว่ามีความตื่นตระหนกตั้่งแต่เขาทราบว่ามีไวรัสโคโรนา

ซึ่งตอนนั้น โรงพยาบาลยังไม่ทราบเลยว่าต้องรับผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค แต่เจ้าหน้าที่และบุคลากรเริ่มรู้ว่ามีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เริ่มระบาดในประเทศจีน ซึ่งทั้่งเจ้าหน้าที่และคนในชุมชนกังวล ฉะนั้น ก่อนที่จะรับคนไทยจากอู่ฮั่นมา จึงมีการวางแผนให้ความรู้อยู่แล้ว ตามระบบสาธารณสุขของประเทศไทยว่าช่วงนี้มีโรคอะไรระบาด เพื่อให้ความรู้และลดการตื่นตระหนกให้เขารู้วิธีในการป้องกันและดูแลตัวเองอย่างไร ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะให้ความรู้แก่บุคลากร และในวันนั้นมีคนให้ความสนใจมาฟังจำนวนมาก ซึ่งการให้ความรู้ช่วยลดการตื่นตระหนกในสังคมได้

ขณะเดียวกัน กองทัพเรือเองมีการติดต่อ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มาให้ความรู้กับบุคลากรที่อยู่ที่อาคารพักรับรองด้วย ซึ่งจะต้องมีการจัดอาหาร และอุปกรณ์ต่างๆ ส่งให้คนไทยที่กลับมาจากอู่ฮั่น ซึ่งจะทำให้การที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค จะทำให้เราสามารถรับมือสถานการณ์เหล่านี้ได้ดีขึ้น

แนะประชาชนติดตามข่าวสารจาก สธ.

น.ต.พญ.ปฐวี กล่าวอีกว่า ส่วนคำแนะนำเกี่ยวประชาชนทั่วไป ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค และที่เน้นย้ำคือการล้างมือยังมีส่วนสำคัญ การไอ จาม ที่ถูกลักษณะ และหน้ากากอนามัยสำหรับผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ การที่ไม่มีอาการ แต่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา และการรับประทานอาหารต้องเป็นอาการสุก หลีกเลี่ยงการอยู่ในชุมชน พยายามอย่าไปตื่นตระหนกกับข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป เพราะหลายครั้ง แหล่งข้อมูลเชื่อถือไม่ค่อยได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง