ทบ.เปิดคอลเซ็นเตอร์ 17 ก.พ. รับร้องเรียนจากกำลังพล

การเมือง
12 ก.พ. 63
11:31
2,879
Logo Thai PBS
ทบ.เปิดคอลเซ็นเตอร์ 17 ก.พ. รับร้องเรียนจากกำลังพล
ผบ.ทบ. เปิดใจหลั่งน้ำตาแถลงข่าวเป็นความในใจที่มีพลทหารเสียชีวิตในหน้าที่ และขอทุกฝ่ายอย่าลืมวิกฤติครั้งนี้

วันนี้ (12 ก.พ.2563) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการแถลงเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวานนี้ว่า สื่อมวลชนมีความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนของทั้งประเทศ และไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในโลก กองทัพบกได้แสดงความเสียใจ และรับผิดชอบไปแล้ว ส่วนสื่อออนไลน์และสื่อโซเชียลยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์ ถือเป็นเรื่องปกติต้องทำใจและห้ามไม่ได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ประหลาดใจกับการตั้งคำถามของสื่อมวลชน เพราะรู้สึกผิดคาดหลังสื่อตั้งคำถามด้วยความระมัดระวังมากกว่าเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ไปร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพผู้เสียชีวิต

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า วิกฤตนี้ ไม่ควรจะลืมกันง่ายๆ ขอให้หันหน้าเข้าหากัน มุ่งไปที่ความปลอดภัยของประชาชน อย่ามุ่งเพียงคนนั้นดี คนนั้นเก่งหรือคนอื่นไม่ดี ซึ่งสิ่งไม่ดีต้องมาช่วยกันแก้ไข ทั้งนี้รู้สึกผ่อนคลายลง หลังได้แสดงความรับผิดชอบ เพราะได้พูดจากใจ สิ่งที่เขียนขึ้นมาจากใจและขอขอบคุณสื่อมวลชน ซึ่งสื่อมวลชนเองก็ได้รับบทเรียน สื่อดิจิทัล กสทช. ก็ได้เชิญไปหารือ ว่าต่างประเทศบริหารจัดการอย่างไร เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ

 

 

ส่วนที่ได้หลั่งน้ำตานั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า เป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวกับเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะสิ่งที่เสียใจที่สุดคือการสูญเสียผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะพลทหารเมธา เลิศศิริ ที่ไม่มีใครกล่าวถึงว่าเสียชีวิตระหว่างยืมยามรักษาการณ์แต่ไปมองว่ากองทัพหละหลวม พร้อมย้อนถามว่าถ้าหละหลวมจะมียืนยามรักษาการณ์อยู่หรือไม่ เพราะคนที่เห็นหน้ากันทุกวันใครจะรู้ว่าจะเดินเข้ามาแล้วเอาปืนมายิง คนทำงานด้วยกันเห็นหน้ากันทุกวันใครจะไปรู้ ใครจะไปเฉลียวใจ

ทั้งนี้ยังยกตัวอย่างข้อความที่คนแชร์ในโซเชียลมีเดีย เรื่องเฉินหลง ที่บรรทัดแรก ๆ เขียนว่าเฉินหลง 65 ปี ได้นอนอย่างสงบที่ฮ่องกง ทำให้เข้าใจว่าเฉินหลงเสียชีวิต แต่พอไล่บรรทัดถัดมาเขาก็เขียนว่า เฉินหลงตื่นเช้ามาก็ตื่นเช้าออกกำลังกายปกติ จึงอยากให้คนไทยอ่านหนังสือมากกว่า 8 บรรทัด เวลาอ่านอะไรอย่าอ่านแค่ 3-4 บรรทัดแล้วไม่อ่าน

ในวันจันทร์ ที่ 17 ก.พ.2563 นี้ จะเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อรับข้อร้องเรียนจากกำลังพลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังได้สั่งการไปเมื่อวานนี้ ภายใต้การควบคุมของสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก จัดเจ้าหน้าที่รับสาย ตามเวลาราชการ เวลา 08.00-16.00 น.วันจันทร์ -ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ จะบันทึกข้อความเสียง โดยทหารผู้ที่ถูกเอาเปรียบเมี่อจะต้องแจ้ง ชื่อ ตำแหน่ง หมายเลขประจำตัว และสังกัด ให้ทราบว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง หากแจ้งข้อมูลเท็จก็จะถูกดำเนินการทางกฎหมาย โดยขอรับรองว่าข้อมูลจะเป็นความลับ ซึ่งเมื่อคืนก็มีคนส่งข้อความมาร้องเรียนกับตนเรื่องเบี้ยเลี้ยง ก็ได้ส่งไปถามผู้บังคับหน่วยดังกล่าว เพื่อให้ทำการแก้ไขไม่ใช่ไปดูอย่างเดียว ในขั้นต้นผมก็มีการลงโทษ และในวงรอบต่อไปก็จะมีการปรับย้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ได้ร่วมทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ครั้งที่ 1 ประจำปี 2563 เพื่อดำรงความเข้มแข็งด้านสมรรถภาพร่างกาย และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับกำลังผลในการดูแลและเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และทำให้กองทัพบกเป็นหน่วยที่มีความพร้อมรบด้านกำลังพลอย่างแท้จริง

การทดสอบประกอบด้วย การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย 3 สถานี ได้แก่ สถานีดันพื้น สถานีลุก-นั่ง สถานี วิ่ง 2 กิโลเมตร ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ทดสอบสถานีดันพื้น 2 นาที 33 ครั้ง สถานีลุกนั่ง 2 นาที 60 ครั้งวิ่ง 2 กิโลเมตร ครบเกณฑ์ ซึ่งเกณฑ์การทดสอบต้องผ่าน 55 เปอร์เซ็นต์

ระหว่างการทดสอบผู้บัญชาการทหารบก ได้พูดคุยกับสื่อมวลชนพร้อมระบุว่า นอนไม่หลับมา 3 คืน ตั้งแต่เกิดเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา หลังจากเมื่อวานนี้ ได้ระบายได้พูดความรู้สึกก็ดีขึ้น เช้าวันนี้ได้จังหวะมาร่วมทดสอบร่างกายประจำปี

กองทัพบกได้ปรับให้มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทแรก เป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกายของกำลังพลประจำปี ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มมาตรฐานในเกณฑ์คะแนนที่ถือว่าผ่านให้สูงขึ้น ได้แก่ หน่วยกำลังรบปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 70 หน่วยสนับสนุนการรบปรับเป็นร้อยละ 60 และหน่วยอื่น ๆ เป็นร้อยละ 55

สำหรับประเภทที่ 2 เป็น “การทดสอบสมรรถภาพร่างกายเพื่อความพร้อมรบ” ซึ่งเป็นการทดสอบที่จะนำมาใช้เฉพาะกับหน่วยกำลังรบ ถือเป็นกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถภาพร่างกายของกำลังพลให้สูงขึ้น เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดการบาดเจ็บขณะการฝึก สามารถนำทักษะที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์จริง ซึ่งเป็นการทดสอบที่จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับหน่วยกำลังรบ และเป็นนโยบายล่าสุดที่กองทัพบกจะเร่งดำเนินการต่อจากนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง