ผบ.ทสส. ชี้ทุกเหล่าทัพต้องทบทวน "บ้านพักทหาร-สวัสดิการเชิงธุรกิจ"

การเมือง
18 ก.พ. 63
11:14
2,163
Logo Thai PBS
ผบ.ทสส. ชี้ทุกเหล่าทัพต้องทบทวน "บ้านพักทหาร-สวัสดิการเชิงธุรกิจ"
ผบ.ทสส.ชี้ทุกเหล่าทัพต้องทบทวนการดำเนินการสวัสดิการในเชิงธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตกหล่น และยืนยันกองทัพมีมาตรฐานดูแลบ้านพักข้าราชการทหารทั้งอยู่ในราชการและเกษียณอายุราชการ พร้อมขอให้ผ่านกรณีพลโทพงศกร รอดชมภู เนื่องจากกำลังจะย้ายออก

ว้ันนี้ (18 ก.พ.2563) พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหารและผู้บัญชาการเหล่าทัพโดยกองทัพเรือเป็นเจ้าภาพก่อนการประชุมได้มีการยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา

ผบ.ทสส.ระบุว่า การประชุมวันนี้มีการย้ำในหลายประเด็นรวมไปถึงการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนการปรับปรุงสวัสดิการเชิงธุรกิจนั้น อยู่ภายใต้การดำเนินการตามกรอบสำนักนายกรัฐมนตรีปี 2547 ในการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการอยู่แล้วโดยไม่ได้ปฏิบัตินอกกรอบ แต่อาจจะเป็นที่สนใจของสังคมในส่วนของสวัสดิการเชิงธุรกิจซึ่งก่อให้เกิดรายได้

โดยที่ผ่านมาทุกเหล่าทัพได้นำเงินค่าเช่าจากเอกชนส่งรายได้เป็นของแผ่นดินตามปกติอยู่แล้ว ส่วนกองทุนสวัสดิการได้นำไปดูแลครอบครัวกำลังพล ซึ่งภายในกองทัพยังมีกิจการขนาดเล็กที่อยู่ในข่ายสวัสดิการภายในส่วนราชการ เช่น ร้านค้าภายในหน่วย ร้านตัดผมหรือร้านขายสินค้าอุปโภค - บริโภคในราคาถูกโดยผู้ใช้บริการเป็นกำลังพล

สำหรับกิจการใดก็ตามที่มีเอกชนและบุคคลภายนอกเข้ามาใช้ประโยชน์ในสัดส่วนที่สูงจะเข้าข่ายสวัสดิการเชิงธุรกิจ ซึ่งกองทัพยินดีและพร้อมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์กำหนด โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ แต่ละเหล่าทัพจะติดต่อตรงกับกรมธนารักษ์ หากมีกิจการใดที่ก่อให้เกิดรายได้ก็ต้องขออนุญาต และทางกรมธนารักษ์ก็จะกำหนดหลักเกณฑ์มาให้ต่อไป อย่างกรณีกองทัพบกที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับทางกรมธนารักษ์ เนื่องจากมีสวัสดิการในเชิงธุรกิจจำนวนมาก แต่เหล่าทัพอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องทำ MOU โดยใช้วิธีติดต่อตรงกับกรมธนารักษ์กระทรวงการคลัง แต่หลังจากนี้ก็ต้องทบทวนการดำเนินการที่ผ่านมาให้ครบถ้วนว่ามีกิจการใดที่ตกหล่นอีกบ้าง

ผบ.ทสส.ระบุถึงกรณีข้าราชการทหารที่เกษียณอายุราชการและยังพักอาศัยอยู่ในบ้านหลวง โดยเฉพาะกรณีของ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ว่า ไม่ใช่เฉพาะทหาร แต่ทุกส่วนราชการมีระเบียบปฏิบัติเมื่อข้าราชการเกษียณก็ต้องส่งบ้านพักคืน แต่บางกรณีมีความไม่พร้อม และบางคนประสบความลำบาก จึงยืดหยุ่นให้เป็นบางราย ซึ่งกรณี พล.ท.พงศกร ในที่สุดก็ย้ายออกไปแล้ว จึงขอให้ผ่านกรณีนี้ไป

ทั้งนี้บ้านพักของทางราชการไม่ใช่เฉพาะนายทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนที่ไม่พร้อมจึงยังไม่ย้ายออก แต่ทหารชั้นผู้น้อยบางคน เช่นนายสิบ จ่่่่า ชั้นประทวน พนักงานราชการ รวมไปถึงกรณีหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จนไม่สามารถย้ายออกได้ทันทีก็มีการผ่อนผันให้ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก

ผบ.ทสส.ย้ำว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าทุกเหล่าทัพมีมาตรฐานในการดูแลกำลังพลอยู่แล้ว เมื่อเกษียณก็ต้องคืนบ้านพัก แต่ก็มีความยืดหยุ่นในบางกรณีเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา จึงไม่อาจชี้ชัดให้เหมือนกันในทุกกรณีแต่เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยที่จะพิจารณา

หากเกินขอบเขตอำนาจ หรือมีความซับซ้อนก็ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาในระดับสูงขึ้นไปตามมาตรฐานที่กองทัพปฏิบัติอยู่ ซึ่งเรื่องของบ้านพักอาศัยเป็นสวัสดิการของกองทัพ และเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาแม้จะอยู่ในราชการ หรือเกษียณอายุราชการไปแล้ว ซึ่งหากไม่สุดวิสัย หรือ ยังไม่มีความต้องการบ้านพักมากพอทางกองทัพก็ยืดหยุ่นให้

ผบ.ทสส.ยังกล่าวถึงการดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อยที่อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า กองทัพมีการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี หรือกรณีถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยกองทัพเน้นย้ำมาโดยตลอดและผู้บังคับบัญชาทุกคนเองก็ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งการประชุมในระดับหน่วยรอง และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงต่างๆ ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องนี้อยู่เสมอ โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแลกำลังพลให้มีความสุข หากพบสิ่งใดที่ไม่สะดวก ไม่สบายใจ หรือลำบากแร้นแค้น เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องไปดูแล

ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยจะมีการเปิดสายตรงผู้บัญชาการทหารสูงสุดเหมือนกรณีของกองทัพบกหรือไม่นั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ ระบุว่า ที่ผ่านมาทหารก็ดำเนินการเหมือนกับส่วนราชการอื่นๆ โดยมีช่องทางการร้องเรียนที่เป็นทางการตามสายการบังคับบัญชาอยู่แล้ว โดนเฉพาะการเปิดฮอตไลน์ในรูปแบบ One Stop Service มาตั้งแต่ปี 2557 และปัจจุบันก็ยังดำเนินการอยู่ รวมถึงยังมีศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหลายช่องทางที่กำลังพลสามารถเลือกใช้บริการได้ และเป็นเรื่องที่แต่ละเหล่าทัพจะดูแลกำลังพลของตนเอง โดยมีช่องทางรับข้อร้องเรียนของผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนำมาแก้ไข

ข่าวที่เกี่ยวข้อง