วันนี้ (19 ก.พ.2563) นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ปัจจุบันมีความคืบหน้าของงานติดตั้งระบบเดินรถทั้งโครงการ ร้อยละ 70 โดยส่วนต่อขยายจากสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ จำนวน 4 สถานี คือ สถานีกรมป่าไม้ สถานีบางบัว สถานีกรมทหารราบที่ 11 และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ระยะทาง 4.2 กิโลเมตร ขณะนี้แล้วเสร็จประมาณร้อยละ 80 ซึ่งจะทดลองเดินรถเสมือนจริงตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการประชาชนในช่วงต้นเดือน มิ.ย.2563 โดยคาดว่าเมื่อขยายเส้นทางให้บริการถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 คนต่อวัน
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ไดด้เตรียมความพร้อมทั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และด้านบุคลากรในการให้บริการผู้โดยสาร พร้อมจัดหลักสูตรอบรมเจ้าหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการให้บริการ ด้านความปลอดภัย รวมถึงการซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการไปสถานีวัดพระศรีมหาธาตุในเดือน มิ.ย.2563 และสถานีคูคต ภายในปี 2563
สำหรับจำนวนขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทฯ ให้บริการในระบบ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 79 ขบวน โดยมีขบวนรถใหม่จากบริษัทซีเมนส์ จำกัด และบริษัท ซีอาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล ที่บริษัทได้จัดซื้อเพิ่มเติมอีก 46 ขบวน ขณะนี้ได้รับมอบแล้วจำนวน 40 ขบวน เหลืออีก 6 ขบวนจะส่งมอบแล้วเสร็จภายในปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีขบวนรถไฟฟ้าที่สามารถรองรับการให้บริการ รวมทั้งสิ้น 98 ขบวนที่พร้อมรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารตลอดเส้นทางทั้งหมด 68.25 กิโลเมตร
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (สายสีเขียว) เป็นสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อ และเป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ตัวสถานีจึงออกแบบให้สามารถรองรับผู้โดยสารที่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางโดยใช้บัตรใบเดียวในการเดินทาง ในรูปแบบระบบ Paid to Paid ผู้โดยสารไม่ต้องออกนอกระบบ สามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ขณะนี้คืบหน้าไปแล้วร้อยละ 52 โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการประชาชนได้ภายในปี 2564 ซึ่งเมื่อรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายเปิดให้บริการเต็มรูปแบบจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะด้านทิศเหนือได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
