"ออสเตรเลีย" จ่อใช้กฎหมายคุมผู้มีอาการสงสัยป่วย COVID-19

ต่างประเทศ
3 มี.ค. 63
13:32
1,857
Logo Thai PBS
"ออสเตรเลีย" จ่อใช้กฎหมายคุมผู้มีอาการสงสัยป่วย COVID-19
ออสเตรเลียจ่อพิจารณาบังคับใช้กฎหมายคุมขังพลเรือนที่ไม่ให้ความร่วมมือกักกันโรค COVID-19 ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 คน ทั้งหมดอาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน

วันนี้ (3 มี.ค.2563) อัยการสูงสุดออสเตรเลีย ระบุว่า ออสเตรเลียอาจต้องพิจารณาบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงทางชีวภาพ เพื่อคุมขังพลเรือนที่ต้องสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 หากบุคคลนั้นไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดโรค หรือการให้ข้อมูลประวัติการเดินทางและติดต่อกับบุคคลอื่นๆ

นอกจากนี้ รัฐบาลออสเตรเลียยังพิจารณาประกาศจัดตั้งพื้นที่เฉพาะด้านสาธารณสุข ภายใต้ชื่อ “human health zones” ซึ่งจะควบคุมและตรวจสอบผู้ที่เดินทางเข้าออกอย่างเข้มข้น

ขณะที่ประชาชนจำนวนมากในกรุงแคนเบอร์ราได้กักตุนสิ่งของจำเป็น โดยชาวออสเตรเลียส่วนหนึ่งที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือมีอาการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบ เร่งกักตุนอุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อและสิ่งของสำหรับป้องกันโรคเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่าเชื้อ COVID-19 จะแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและขยายวงกว้าง

หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลีย ระบุว่า ไม่สามารถป้องกันการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้ โดยทำได้เพียงชะลอการระบาดของโรค แม้จะห้ามชาวต่างชาติจากจีนและอิหร่านเข้าประเทศแล้วก็ตาม

ผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 6 คน

เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมของบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,100 ล้านบาท เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานสาธารณสุข ยืนยันพบผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 6 คน ซึ่งทั้งหมดอาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน

ขณะที่เมืองเรดมอนด์ ในรัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดสรรทรัพยากรในการรับมือกับเชื้อไวรัสดังกล่าวได้สะดวกมากขึ้น ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเป็น 102 คน ในจำนวนนี้รวมถึงผู้ป่วยที่อาการเข้าข่ายติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 27 คน

ขณะเดียวกันประชาชนในนครนิวยอร์กต่างกักตุนอาหาร น้ำดื่ม ยาฆ่าเชื้อ และกระดาษชำระ หลังจากพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 คนแรกของรัฐนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) เป็นผู้หญิงอายุ 39 ปี ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อหลังเดินทางกลับมาจากอิหร่าน เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา

 

แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศว่า เจ้าหน้าที่จะเริ่มตรวจคัดกรองประชาชน 1,000 คนต่อวัน เพื่อหาผู้ติดเชื้อและควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังอัดฉีดงบประมาณฉุกเฉิน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท และยกระดับมาตรการฆ่าเชื้อในโรงเรียนและระบบขนส่งมวลชน

ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้หารือกับนักวิทยาศาสตร์และผู้บริหารบริษัทยา เกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาโรคและการเพิ่มชุดตรวจ นอกจากนี้ทำเนียบขาวยังเตรียมหารือกับผู้บริหารสายการบินสัญชาติอเมริกันและผู้ประกอบการเรือสำราญ เกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคธุรกิจในสัปดาห์นี้

ขณะที่หัวหน้าคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการกำลังเร่งพัฒนาวัคซีน เพื่อรักษาผู้ป่วย COVID-19 อย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การพัฒนาวัคซีนเพื่อนำมาใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้ออาจใช้เวลานานถึง 18 เดือน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ฝรั่งเศส" ปิดโรงเรียน-ห้ามชุมนุม ชะลอ COVID-19 ระบาด

สหรัฐฯ พบผู้เสียชีวิตจากCOVID-19 คนแรก

"นิวซีแลนด์" พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 มั่นใจคุมระบาดได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง