ตีกลับแผนขอกู้เสริมสภาพคล่องการบินไทย

เศรษฐกิจ
5 มี.ค. 63
17:14
1,036
Logo Thai PBS
ตีกลับแผนขอกู้เสริมสภาพคล่องการบินไทย
"ศักดิ์สยาม" ตีกลับแผนขอกู้เงินเสริมสภาพคล่องของการบินไทย เสนอให้รัฐบาลช่วยค้ำ หลังรายได้ลดจากไวรัส COVID-19 ระบาด โดยขอกู้เงินรวดเดียว 50,000 ล้านบาท

วันนี้ (5 มี.ค. 2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.การกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถึงประเด็นที่การบินไทยจะขอการสนับสนุนจากภาครัฐในช่วงได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 เนื่องจากรายได้ลดลง โดยการบินไทย จะดำเนินการกู้เงินเสริมสภาพคล่อง โดยขอให้รัฐบาลช่วยค้ำประกันว่า ยังไม่มีการอนุมัติให้ตามที่ฝ่ายบริหารการบินไทยเสนอ โดยขอให้ฝ่ายบริหารกลับไปจัดทำแผนรายละเอียดให้ชัดเจน โดยขอให้แยกตัวเลขให้ชัดเจนว่า ส่วนใดเป็นการกู้เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบที่ได้รับจากCOVID-19 และส่วนใดเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแผนฟื้นฟูที่มีอยู่เดิมรวมถึงการปรับลดเที่ยวบินจาก COVID -19 ในช่วงที่ผ่านมา ช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างไรได้บ้าง

 

 

เนื่องจากตามปกติเมื่อมีการปรับลดเที่ยวบินค่าใช้จ่ายก็น่าจะปรับลดลงไปด้วย โดยการจัดทำแผนรายละเอียดนี้ขอให้ทำให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ โดยมอบหมายให้นายพีรพล ถาวรศุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รวบรวมและให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เข้าร่วมหารือก่อนจะรายงานผลมาให้กระทรวงคมนาคมรับทราบอีกครั้ง

ส่วนตัวเลขเงินกู้จะเป็นเท่าใดนั้น นายศักดิ์สยามระบุว่า จะขอเปิดเผยหลังปรับปรุงแผนที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ย้ำว่า ฐานะของการบินไทยในฐานะของสายการบินแห่งชาติ ยังมีความเข้มแข็งสามารถหารายได้ในทุกเที่ยวบิน ที่ทำการบินขณะนี้

 

 

ขณะที่ผลการประชุมที่กระทรวงคมนาคมหารือร่วมผู้ประกอบการ 17 สายการบินเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) และมีข้อสรุปช่วยเหลือผู้ประกอบการเรื่องผ่อนคลายภาระค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน และค่าธรรมเนียมลงจอดของสายการบินนั้น หากรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว การบินไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการปฏิบัติตามหลักการบินสากล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวเลขที่ฝ่ายบริหารการบินไทยเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อกู้เงินเสริมสภาพคล่อง โดยให้รัฐบาลช่วยค้ำประกันเงินกู้สภาพคล่องในช่วงได้รับผลกระทบรายได้ลดลงจากการระบาด COVID-19 นั้น การบินไทยมีแผนกู้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รมว.คมนาคมเห็นว่า วงเงินดังกล่าวเป็นตัวเลขที่สูง จึงจำเป็นต้องมีรายละเอียดประกอบการพิจารณามากกว่าขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง