ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเอกชนหารือปล่อยสต็อคลิขสิทธิ์ 10 ล้านชิ้น

การเมือง
19 มี.ค. 63
13:02
292
Logo Thai PBS
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเอกชนหารือปล่อยสต็อคลิขสิทธิ์ 10 ล้านชิ้น
สืบเนื่องจากคำร้องเรียนปมการข้อสังเกตการกักตุนหน้ากากกอนามัยจนทำให้ขาดแคลนนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่สุ่มตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยย่านปากเกร็ด

วันนี้ (19 มี.ค. 2563) ผู้ตรวจการแผ่นดินมอบหมายเจ้าหน้าที่สอบสวน ร่วมกับผู้แทนกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่รับฟังข้อเท็จจริงและตรวจสอบบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด ซึ่งเป็น 1 ใน 9 โรงงานที่กรมการค้าภายในเข้ามาควบคุมการผลิต ส่งหน้ากากให้หน่วยงานต่างๆ โดยการเข้าพื้นที่การผลิตเป็นไปตามมาตรฐานการฆ่าเชื้อบุคคลก่อนเข้าพื้นที่

 โดยนายชินวัฒน์ มธุรพร รองประธานบริหารบริษัทฯ เปิดเผยว่าปัจจุบันโรงงานผลิตส่งให้องค์การเภสัชกรรมทั้งหมด จากเดิมผลิตให้ลูกค้าที่เป็นโรงพยาบาล แต่เมื่อกรมการค้าภายในเข้าควบคุมการผลิต ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ก็ต้องผลิตส่งให้องค์การเภสัชกรรมเพื่อไปจัดสรรขายให้โรงพยาบาลเองลดความเหลื่อมล้ำระหว่างโรงพยาบาล

ส่วนบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 450,000 ชิ้นต่อวัน ยืนยันว่าต้องส่งให้องค์การเภสัชกรรมทั้งหมด เพราะมีเจ้าหน้าที่มีคอยเช็คสต็อกสินค้าด้วยตัวเองไม่สามารถเล็ดลอดออกไปยังพ่อค้าคนกลางได้ ดังนั้นหากมีคนตั้งคำถามว่าหน้ากากหายไปไหน ก็ต้องไปถามที่กรมการค้าภายใน และองค์การเภสัชกรรม

ขณะนี้มีปัญหา เพราะตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา บริษัทถูกห้ามการส่งหน้ากากอนามัยที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์ และไม่สามารถจำหน่ายในประเทศไทยได้ ทำให้ขณะนี้มีหน้ากากอนามัย ตกค้างการส่งออกอยู่กว่า 10 ล้านชิ้น ซึ่งบริษัทในต่างประเทศพยายามเรียกร้องให้ไทยส่งออกให้ได้ ทำให้บริษัทรับภาระหนักและอาจได้รับผลกระทบต่อการส่งออกในระยะยาว

และประเด็นหน้ากากลิขสิทธิ์ตกค้างนี้ ตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดิน โดย พ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ ผอ.สำนักสอบสวน 4 ได้ให้ข้อสังเกตุว่า มีแนวทางที่หน่วยงานรัฐจะเยียวยาผู้ประกอบการ เพื่อเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์ให้นำหน้ากากอนามัยชนิดส่งออกที่ตกค้างอยู่กว่า 10ล้านชิ้นมาจำหน่ายภายในประเทศแทนในช่วงภาวะวิกฤตขาดแคลนได้หรือไม่

 

 

 

 

ซึ่งนายชิณวัฒน์เห็นด้วยหากเจรจาได้ และขอให้เป็นคำสั่งของกรมการค้าภายในและกระทรวงสาธารณสุข เพราะอาจทพให้สินค้าถูกนำไปจำหน่ายดีว่าทิ้งไว้เฉยๆ แต่เชื่อว่าเจ้าของลิขสิทธิ์จะไม่ยินยอม เพราะเสี่ยงที่จะถูกฟ้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรัฐจะเจรจา โดยจะมีการประชุมระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดิน กรมการค้าภายใน ผู้ประกอบการอีกครั้ง ในวันที่ 27 มีนาคมนี้

 

 

ส่วนร.ต.อ.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า ตามกฎหมายบีโอไอเปิดช่องให้ดำเนินการนำสินค้าลิขสิทธิ์ออกมาใช้ในประเทศได้ ในมาตรา 47 ระบุว่าผู้ที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับอนุญาตให้ส่งออกนอกราชอาณาจักได้เสมอไป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ เว้นกรณีที่จำเป็นในด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ ที่เป็นหลักสากลแตละประเทศจะปกป้องสิทธิของตนเอง

ขณะที่ผู้ประกอบการประเมินกรณีที่ว่าไทยจะมีโอกาสขาดแคลนหน้ากากอนามัยหรือไม่นั้น โดยยอมรับว่ามีความเสี่ยง เพราะวัตถุดิบในการผลิตมีต้นทุนสูง และประเทศผู้ผลิต อย่างจีน และไต้หวันก็งดส่งออกวัตถุดิบจำเป็นต้องขอร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะกรมการค้าภายในยังจำกัดราคาขาย ซึ่งทางบริษัทขายให้กรมการค้าภายในต่ำว่า2บาทต่อชิ้น และวัตถุดิบของบริษัทที่มีอยู่ เบื้องต้นสามารถผลิตไปถึงเดือนเมษายนตามอัตราการผลิตในปัจจุบัน อยู่ระหว่างเจรากับทางจีน และให้ปล่อยวัตถุดิบออกมา

นอกจากนี้ พ.ท.เทพจิตย้ำว่าไม่ได้เป็นการจับผิดผู้ประกอบการ แต่เป็นการเตรียมแผนเผชิญเหตุรับรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต. การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปตามคำร้องเรียนที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ อันเนื่องมาจากการไร้ประสิทธิภาพในการปฏิบัติการจำหน่าย จ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป ในการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 โดยจะหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหานี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง