สำรวจความสัมพันธ์ผู้ป่วย COVID-19 เราอยู่ในระยะไหน?

สังคม
19 มี.ค. 63
19:55
5,149
Logo Thai PBS
สำรวจความสัมพันธ์ผู้ป่วย COVID-19 เราอยู่ในระยะไหน?
นับตั้งแต่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 63 จนปัจจุบันปรากฏการติดเชื้อแบบกลุ่ม และส่งต่อเชื้อจนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลวันที่ 19 มี.ค. 63 ประเทศไทยพบผู้ป่วย 272 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 42 คน เสียชีวิต 1 คน สามารถจัดกลุ่มผู้ป่วยเป็น 3 ประเภท คือ

  1. ผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ
  2. เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ
  3. เป็นผู้ป่วยติดเชื้อแบบกลุ่ม (Cluster) หรือหาแหล่งต้นตอไม่ได้

ทั้งนี้ตามนิยามระยะการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข มี 3 ระยะได้แก่

  • ระยะที่ 1 พบผู้ป่วยติดเชื้อมาจากแหล่งต้นตอ เช่นผู้มาจากประเทศจีน และความเสี่ยงการระบาดในชุมชนมีจำกัด
  • ระยะที่ 2 มีการระบาดในชุมชนเป็นวงแคบอย่างต่อเนื่อง โดยระบุได้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อมาจากใครได้อย่างชัดเจน
  • ระยะที่ 3 มีการระบาดในชุมชนอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง โดยไม่สามารถระบุว่าใครติดจากใครหรือแหล่งไหน ได้อย่างชัดเจน

ประเภทที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ รวม 16 ประเทศ

เดินทางมาจากจีน 27 เคส ส่งต่อเชื้อป่วยเพิ่มอีก 2 เคสในไทย ซึ่งไม่มีประวัติเดินทาง
- ผู้ป่วยเคสที่ 4, 5 เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เคสที่ 5 เป็นภรรยา พบเชื้อในภายหลัง 
- เคสที่ 22, 33, 35 เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ครอบครัวนี้มีผู้ป่วย 4 คน แต่ไม่มีรายงานของผู้ป่วยคนที่ 4
- เคสที่ 8 เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลในอู่ฮั่น เป็นผู้โดยสารของเคสที่ 23 ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่

เดินทางมาจากญี่ปุ่น 8 เคส ส่งต่อเชื้อป่วยเพิ่มอีก 4 เคส
- เคสที่ 20, 21 เป็นคนไทย คู่สามี-ภรรยา
- เคสที่ 38, 39 เป็นปู่-ย่า และแพร่เชื้อต่อหลาน เคสที่ 40
- เคสที่ 58, 81 เป็นคนไทยเดินทางจากญี่ปุ่น
- เคสที่ 77 เป็นแม่ กลับมาจากญี่ปุ่น แพร่เชื้อให้คนในครอบครัวที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยรวม 3 คน คือเคสที่ 78, 79, 80

เดินทางมาจากเกาหลีใต้ 2 เคส ส่งต่อเชื้อป่วยเพิ่มอีก 3 เคส
- เคสที่ 41 เป็นคนไทย อาชีพไกด์
- เคสที่ 57 คนไทยกลับจากศัลยกรรมที่เกาหลีใต้ แพร่เชื้อให้คนในครอบครัว คือ น้องชายเคสที่ 73 และเพื่อนเคส 74, 75

เดินทางมาจากอิตาลี 6 เคส ส่งต่อเชื้อป่วยเพิ่มอีก 2 เคส
- เคสที่ 44 เป็นชาวอิตาลี
- เคสที่ 45, 49, 50 เป็นคนไทยเพื่อนร่วมงานกลุ่มเดียวกัน กลับจากดูงานอิตาลี แต่เคสที่ 45 แพร่เชื้อให้เคสที่ 51
- เคสที่ 52 คนไทยกลับจากอิตาลี แพร่เชื้อให้คนในครอบครัวเคสที่ 53

เดินทางมาจากอิหร่าน 3 เคส
- เคสที่ 46 เป็นนักศึกษาจีนมาจากอิหร่าน เดินทางมาเปลี่ยนเที่ยวบินในไทย
- เคสที่ 47 เป็นนักศึกษาไทย กลับมาจากอิหร่าน

เดินทางมาจากอังกฤษ 2 เคส

เดินทางมาจากสิงคโปร์ 1 เคส ส่งต่อเชื้อป่วยเพิ่มอีก 2 เคส
- เคสที่ 59 เป็นเจ้าของร้านอาหารในอาคารออลซีซั่น แพร่เชื้อให้พนักงานในร้านอาหาร 2 คน คือเคสที่ 110, 111

เดินทางมาจากสเปน 1 เคส
- เคสที่ 112 เป็นตำรวจไทยกลับจากปฏิบัติหน้าที่ที่สเปน

เดินทางมาจากเบลเยียม 1 เคส
- เคสที่ 131 เป็นนักท่องเที่ยวชาวเบลเยียม

เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 เคส
- เคสที่ 132 เป็นนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ

เดินทางมาจากฝรั่งเศส 2 เคส
- เคสที่ 133 เป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส

เดินทางมาจากเดนมาร์ก 3 เคส
- เคสที่ 143-145 เป็นนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์ก

เดินทางมาจากมาเลเซีย 8 เคส
- เคสที่ 146 - 147, 251 - 255 เป็นคนไทยกลับจากร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มาเลเซีย

เดินทางมาจากกัมพูชา 2 เคส
เคสที่ 207, 263 คนไทยกลับจากกัมพูชา

เดินทางมาจากไต้หวัน 1 เคส

เดินทางมาจากอินเดีย 1 เคส

และมีกลุ่มผู้ป่วย 19 คน ที่กระทรงสาธารณสุขรายงานว่าป่วย COVID-19 แต่ไม่ระบุประเทศต้นทางว่ามาจากที่ใด

ประเภทที่ 2 ผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางมาจากต่างประเทศ

ทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ 18 เคส
- เคสที่ 16 อาชีพขับแท็กซี่ เป็นคนไทยคนแรกที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้รับเชื้อ
- เคสที่ 25 เป็นคนไทยขับรถรับจ้างไม่ประจำทาง
- เคสที่ 27 เป็นพนักงานขายสินค้า คิงพาวเวอร์ สาขาศรีวารี เสียชีวิต แพร่เชื้อให้ เคสที่ 31 เด็กอายุ 3 ขวบ และเคสที่ 34 พยาบาลที่ดูแลขณะรักษาในโรงพยาบาล
- เคสที่ 37 เป็นคนขับรถบัสนักท่องเที่ยว แพร่เชื้อต่อเพื่อนร่วมงงาน เคสที่ 43 ซึ่งเคสที่ 37 หลังจากหายป่วยและกลับไปทำงาน แต่กลับแพร่เชื้อให้เคสที่ 43
- เคสที่ 42 พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า
- เคสที่ 137 - 142 คนไทยทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ เช่น คนขับรถแท็กซี่, พนักงานธนาคาร, พนักงานต้อนรับ
- เคสที่ 171 คนไทยอาชีพขับแท็กซี่
- เคสที่ 208 - 211 เป็นบริกร และนิติบุคคลคอนโดมิเนียม
- เคสที่ 265 - 266 เป็นครูพี่เลี้ยง และพนักงานเคาร์เตอร์เช็กอิน

ทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ 5 เคส 
- เคสที่ 54 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
- เคสที่ 55 พนักงานตรวจกระเป๋า
- เคสที่ 100 - 102 เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พนักงานร้านอาหาร และพนักงานในสนามบินสุวรรณภูมิ

อื่นๆ 3 เคส
- เคสที่ 36 เป็นคนไทย ไม่ได้เดินทางมาจากจีน แต่มีคนในครอบครัวไปกว่างโจว ไม่มีรายงานของคนในครอบครัวว่าติดเชื้อหรือไม่
- เคสที่ 56 เป็นวิศวกรในกรุงเทพฯ แต่ไปสัมมนาที่นิคมฯ มาบตาพุด จ.ระยอง ไม่มีรายงานต้นเหตุติดเชื้อแน่ชัด
- เคสที่ 267 มีเพื่อนชาวต่างชาติมาพักที่คอนโดมิเนียม ไม่มีรายงานว่าเพื่อนติดเชื้อหรือไม่

ประเภทที่ 3 ผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศเป็นกลุ่ม

กลุ่มสังสรรค์ในสถานบันเทิงและสัมผัสใกล้ชิด รวม 44 เคส
- กลุ่มแรกมีเพื่อนชาวฮ่องกง สังสรรค์ 15 คน ติดเชื้อ 13 คนคือเคสที่ 60-72 โดยรอบแรกพบ 11 คน พบติดเชื้อต่อมา 2 คน แต่ 1 ใน 11 คน ยังแพร่เชื้อต่อไปที่คนในครอบครัวของตน คือเคสที่ 76
- กลุ่มที่ 2 ไปร้านเดียวกันกับชุดแรก 3 คน เคสที่ 92 - 94
- กลุ่มที่ 3 ไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แต่คนละร้านกับ 2 กลุ่มแรก พบติดเชื้อ 5 คน เคสที่ 95 – 99

ผู้ป่วย 8 คน มีความเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง แต่ไม่มีรายบงานว่าติดเชื้อจากคนกลุ่มไหน คือเคสที่ 122 - 124, 159, 191 - 194 และพบเพิ่มอีก 14 คน เป็นดีเจ พนักงานเสิร์ฟ พ่อครัว รองผู้จัดการร้าน ในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ สวนหลวง และสุขุมวิท คือเคสที่ 225 - 228

กลุ่มสนามมวยลุมพินีและสัมผัสใกล้ชิด รวม 55 เคส
- เคสที่ 82 แมทธิว ดีน แพร่เชื้อต่อคนในครอบครัว 1 คน (ลิเดีย ภรรยา)
- กลุ่มที่ 1 เคสที่ 83-91
- กลุ่มที่ 2 เคสที่ 115-121 
- กลุ่มที่ 3 เคสที่ 148 – 158 
- กลุ่มที่ 4 เคสที่ 178-190
- กลุ่มที่ 5 เคสที่ 213-224

ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มผู้ป่วยตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข อีก 32 คนเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแต่ไม่ระบุว่าติดมาจากเคสใด กับกลุ่มผู้ป่วยอีก 12 คนที่กำลังรอผลสอบสวนโรคว่าติดเชื้อมาจากแหล่งใด

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง