วันนี้ (20 มี.ค.2563) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดโดยมีชายคนหนึ่งกระทำการไม่เหมาะสมโดยใช้นิ้วแตะน้ำลายแล้วนำมาป้ายปุ่มกดลิฟต์และผนังลิฟต์ และอีกหลายพื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้า
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเวลาประมาณ 05.23 น. วันนี้ ภายในลิฟต์โดยสาร ฝั่งสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ จากพื้นถนนมาชั้นจำหน่ายตั๋ว โดยเจ้าหน้าที่ได้พบเหตุผิดสังเกตจากกล้องวงจรปิด หลังชายคนดังกล่าวได้กระทำการไม่เหมาะ นายสถานีจึงได้เข้าไปตรวจสอบในทันที ชายดังกล่าวได้วิ่งหนีออกไปมุ่งหน้าทางถนนพระราม 1
ภาพ : บีทีเอส
ภาพ : บีทีเอส
หลังจากนั้น นายสถานีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดภายในลิฟต์และบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดในทันที พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวชายคนดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบีทีเอสไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกจุดทุกสถานีของบีทีเอสได้ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก
ภาพ : บีทีเอส
ภาพ : บีทีเอส
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอสมี มาตรการการป้องกันเชื้อโรค เพิ่มความถี่ในการฆ่าเชื้อโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช็ดถูทำความสะอาด พื้นที่และบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสร่วมสาธารณะ เช่น บริเวณสถานี ลิฟต์ ปุ่มกดลิฟต์ ตู้หยอดเหรียญ ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโมัติ ราวจับบันได/บันไดเลื่อน และจุดสัมผัสอื่นในทุกๆ 1 ชั่วโมง
นอกจากการเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นและเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อภายในขบวนรถรวมถึงเตรียมเจลล้างมือฆ่าเชื้อบนโต๊ะตรวจสัมภาระและโต๊ะตรวจการทั้ง 2 ฝั่งทางเข้าออกของสถานีรวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าคอยตรวจตรา บริเวณสถานีและภายในขบวนรถเพื่อดูแลความเรียบร้อย ในการให้บริการประชาชน บีทีเอสขอความร่วมมือประชาชนและผู้โดยสาร หากพบเห็นว่ามีบุคคล ได้การกระทำที่ไม่อันควรภายในระบบรถไฟฟ้า ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่บีทีเอสทันที
ภาพ : บีทีเอส
ภาพ : บีทีเอส
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สน.ปทุมวัน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิสูจน์ทราบและควบคุมตัวชายที่ก่อเหตุดังกล่าวได้แล้ว พร้อมนำตัวมาตรวจสอบ ซักถาม และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ก่อเหตุ เป็นชายชาวไทย อายุ 32 ปี เบื้องต้นพบว่ามีอาการทางจิตเล็กน้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบประวัติและสวบสวนโรค