วันนี้ (24 มี.ค.2563) ไทยพีบีเอสออนไลน์สัมภาษณ์ รศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) หลังพบผู้ป่วยเพิ่มล่าสุด 106 คน ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 827 คน และเสียชีวิตสะสม 4 คน

ภาพ : https://med.mahidol.ac.th/

รศ.พญ.ภัทรวัณย์ ระบุว่า เมื่อดูจากข้อมูลผู้ป่วยในต่างประเทศจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มประเทศติดเชื้อมาก เช่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี อิหร่าน เกาหลีใต้ ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยวันละ 33% ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มประเทศติดเชื้อน้อย เช่น ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง  ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยวันละ 10-20 %

แนวโน้มผู้ติดเชื้อไทยกำลังเข้าใกล้ "อิตาลี-อิหร่าน"

ขณะนี้ไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 20-30 % หรือนับว่าอยู่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยวันละ 33 % ก่อนหน้านี้ในช่วง Golden period ที่เพิ่งเริ่มมีผู้ป่วย 200 คน ไทยยังเลือกได้ว่าจะให้ทิศทางผู้ติดเชื้อไปอยู่ในกลุ่มไหน แต่ขณะนี้ไทยเลือกไม่ได้แล้ว เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยห่างจากกลุ่มผู้ติดเชื้อน้อยอย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่นมาไกลมากแล้ว และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศติดเชื้อมากอย่างอิตาลี อิหร่าน 

จะสังเกตว่าลักษณะตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยจะเพิ่มขึ้น แล้วก็ลดลง วันไหนลดลงน้อย อีกวันจะเพิ่มแบบพุ่งสูงขึ้น แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ขณะนี้ไทยยังอยู่ในค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อกลุ่ม 33% ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ทำนายว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ ไทยจะมีผู้ติดเชื้อสะสมถึง 3,000 คน

รศ.พญ.ภัทรวัณย์ ระบุว่า อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้เป็นสัญญาณเสี่ยงสำหรับประเทศไทย ซึ่งหากปล่อยให้ยอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 33 % เช่นนี้ต่อไปจนถึงช่วงสงกรานต์คาดว่าไทยจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 350,000 คน ทรัพยากรและบุคลากรทางการแพทย์รับไม่ไหวแน่นอน

ภาพ : IPTV Mahidol University

หากรัฐบาลประกาศ Lock down ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนทุกคนช่วยกันอยู่ในบ้านให้ได้มากที่สุด เพื่อกดยอดผู้ติดเชื้อให้เหลือเฉลี่ยวันละ 20% ไปจนถึงช่วงสงกรานต์คาดว่าไทยจะมีผู้ติดเชื้อลดลงจากหลักแสนเป็น 24,000 คน เท่านั้น

หากไทยยังเดินหน้าไปในเส้นทางกลุ่มประเทศติดเชื้อมาก เราอาจถึงขั้นต้องติดสินใจเลือกรักษาผู้ป่วยหรือสละชีพเช่นเดียวกับอิตาลี ซึ่งไทยยังมีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ถึงวันละพัน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อแตะ 3,000 คน หากคำนวณจะพบว่า 33 % ของ 3,000 ก็คือ 1,000 คน เมื่อมีผู้ติดเชื้อถึงหลักพันแล้วก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปถึงหมื่น ซึ่งจะเป็นช่วงที่คุมไม่อยู่และอันตรายมากแล้ว และไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้น ขณะนี้ทุกคนยังช่วยกันได้ ด้วยวิธีการที่ง่ายๆ คือ การอยู่บ้าน และดูแลตัวเอง 

 

เสนอรัฐบาลล็อกดาวน์ทุกจังหวัด ฝ่าวิกฤตไวรัส

ส่วนกรณีตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 คน รศ.พญ.ภัทรวัณย์ ระบุว่า จากข้อมูลของต่างประเทศจะพบว่า โดยธรรมชาติของโรคเมื่อมีผู้ติดเชื้อ 100 คน จะมีผู้เสียชีวิต 2 คน แม้ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤตเช่นนั้น แต่หากตัวเลขยังดำเนินไปใกล้เคียงกับอิตาลีในระยะยาว จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยได้สูงถึง 5 % ของผู้ติดเชื้อ  

ไทยยังมีผู้เสียชีวิตน้อยอยู่ เพราะทีมแพทย์ทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลผู้ป่วยหนักอย่างเต็มที่ จนผู้ป่วยก็ไม่ไหวจริงๆ ส่วนผู้ป่วยใหม่ระยะหลัง ก็ยังมีการดำเนินโรคต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ประเทศที่มียอดเป็นแสน เป็นหมื่น ตัวเลขเสียชีวิตเท่านี้เหมือนกันเพราะเป็นธรรมชาติของโรค ไทยจึงยังนิ่งนอนใจไม่ได้

รศ.พญ.ภัทรวัณย์ ย้ำว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันอยู่นิ่งๆ อยู่กับบ้าน ไม่มีอะไรสบายเท่าอยู่กับบ้าน เรานอนพัก อาจจะหาอาชีพเสริมออนไลน์ ช่วยเหลือคนในรูปแบบที่เราจะทำได้ และขอเสนอให้รัฐบาล Lock down ทุกจังหวัด เพื่อให้ทุกคนอยู่นิ่ง เหมือนนิวซีแลนด์ที่มีผู้ติดเชื้อเพียง 102 คน แต่รัฐบาลยกระดับมาตรการทุกอย่างเต็มกำลัง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันเราจะรอดด้วยกัน แต่ถ้าเราไม่ช่วยกันเราจะตายกันหมด