งดอบรมสอบใบขับขี่ใหม่-ต่อภาษีรถที่ห้าง 24 มี.ค.-12 เม.ย.

เศรษฐกิจ
24 มี.ค. 63
16:05
2,444
Logo Thai PBS
งดอบรมสอบใบขับขี่ใหม่-ต่อภาษีรถที่ห้าง 24 มี.ค.-12 เม.ย.
กรมการขนส่งทางบก ประกาศงดอบรมทดสอบใบขับขี่รายใหม่ชั่วคราว และงดต่อภาษีรถยนต์ที่ห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่ 24 มี.ค.-12 เม.ย.นี้ เพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

วันนี้ (24 มี.ค.2563) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อลดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรมการขนส่งทางบกได้สนองนโยบายรัฐบาล “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จำกัดการรวมคนหรือการชุมนุมของประชาชนในสถานที่ที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดขยายไปในวงกว้าง โดยได้ปรับการให้บริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัด ประกอบด้วย ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้

1. งดการอบรมและทดสอบสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ รายใหม่ทุกชนิด ทั้งที่สำนักงานขนส่ง และที่โรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัด ประกอบด้วย ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี

สำหรับการอบรมเพื่อขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถทุกชนิด ให้อบรมผ่านระบบ e-Learning ได้ทางwww.dlt-elearning.com รองรับทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเลต และคอมพิวเตอร์ หลังการอบรมแล้วเสร็จ สามารถนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถได้ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ผ่านการอบรม

ทั้งนี้ การอบรมผ่านระบบ e-Learning เฉพาะผู้ที่ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุไม่เกิน 1 ปี หรือผู้ที่ประสงค์จะต่ออายุล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน โดยประกอบด้วย การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถรถส่วนบุคคล (รถยนต์, รถยนต์สามล้อ, รถจักรยานยนต์) จำนวน 1 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง จำนวน 2 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ หรือแท็กซี่, รถยนต์สามล้อสาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ) จำนวน 3 ชั่วโมง สำหรับการเข้ารับชมวิดีโออบรม หากรับชมวิดีโอไม่จบ ปิดหน้าเว็บไซต์ก่อน หรือไม่ได้กรอกข้อมูลยืนยัน จะต้องเริ่มรับชมวิดีโอใหม่ตั้งแต่แรก

2. งดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน และศูนย์บริการร่วม ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัด ประกอบด้วย ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี ทั้งนี้ ยังคงให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีช่องทางอื่นๆ ตามปกติ อาทิ บริการรับชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ที่ https://eservice.dlt.go.th/ แอปพลิเคชัน Truemoney Wallet, mPAY เคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) รวมถึงการให้บริการ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง

ส่วนงานให้บริการด้านอื่นๆ เปิดตามปกติ

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ส่วนการให้บริการประชาชนด้านอื่น ๆ นั้นยังคงให้บริการตามปกติ ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยสำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งจุดคัดกรองภายนอกอาคาร เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิประชาชนทุกคนที่เข้ามารับบริการ หากพบผู้ที่มีอุณหภูมิเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ไม่อนุญาตให้เข้าไปในอาคาร หรือพบผู้มีอาการต้องสงสัยประสานแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่หรือแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยต่อไป

ขณะเดียวกัน ยังดำเนินมาตรการ Social Distancing จำกัดจำนวนผู้ติดต่อราชการภายในอาคาร จัดที่นั่งคอย พื้นที่ยืน เว้นระยะห่างระหว่างคนอย่างน้อย 1 เมตร ด้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พิจารณาปรับลดกำลังเจ้าหน้าที่ตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยต้องไม่กระทบกับการบริการประชาชน รวมถึงปรับรูปแบบให้สามารถปฏิบัติงานจากบ้านพักได้ พร้อมให้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งนี้ ผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในด้านใบอนุญาตขับรถ หรือด้านทะเบียนและภาษี ควรงดเว้นการติดต่อที่สำนักงานขนส่ง หรือใช้บริการระบบออนไลน์ที่กรมการขนส่งทางบกมีไว้รองรับ เช่น ชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ การอบรมภาคทฤษฎีออนไลน์ เป็นต้น ในกรณีจำเป็นที่ต้องมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง ขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดต่อแพร่กระจายของโรค

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง