ส่องมาตรการรัฐทั่วโลก เข้มเว้นระยะห่างทางสังคมสู้ COVID-19

ต่างประเทศ
1 เม.ย. 63
13:22
1,513
Logo Thai PBS
ส่องมาตรการรัฐทั่วโลก เข้มเว้นระยะห่างทางสังคมสู้ COVID-19
การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) หนึ่งมาตรการสำคัญที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในไทยเริ่มมีการรณรงค์มาตรการนี้อย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลประเทศอื่นๆ มีมาตรการจัดการอย่างไรบ้าง?

วันนี้ (1 เม.ย.2563) พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ ระบุว่า องค์การอนามัยโลก ประกาศมาตรการหลายข้อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยหนึ่งในมาตรการนั้น คือ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยการเว้นระยะห่างในสังคมนั้น เกิดขึ้นในต่างประเทศมาก่อน โดยหลายประเทศในยุโรปได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือปิดเมืองทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส เบลเยียม และเยอรมนี เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

บางประเทศมีการให้คำแนะนำให้อยู่บ้าน ห้ามออกนอกบ้าน ไม่สังสรรค์ยามกลางคืน ไม่เดินเป็นกลุ่มก้อน โดยในประเทศฝรั่งเศส หากมีคนฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม จะมีการดำเนินคดีและกำหนดบทลงโทษต่อไป

ส่วนอังกฤษมีคำแนะนำและสั่งห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 2 คนขึ้นไป โดยอนุญาตให้ออกจากบ้านเฉพาะการไปไปร้านอาหาร พบแพทย์ สำหรับร้านค้า และสนามเด็กเล่นล้วนถูกสั่งปิดทั้งหมด หากฝ่าฝืนจะมีการใช้กฎหมายบังคับ

ในอังกฤษหากใครไอใส่หน้าตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะถือว่ากระทำผิดข้อหาทำร้ายร่างกาย มีโทษจำคุกคุก 2 ปี 

ขณะที่สหรัฐอเมริกา มีมาตรการเน้นการเว้นระยะห่างทางสังคม ใครไม่ทำตามจะต้องถูกลงโทษแยกเดี่ยว ส่วนในประเทศออสเตรเลีย รัฐบาลสั่งห้ามชุมนุมเกิน 500 คน และสั่งปิดหาดต่างๆ


ประเทศเยอรมนี ออกกฎห้ามพบกันในสถานที่สาธารณะเกิน 2 คน และประเทศสวีเดน ซึ่งเพิ่งประกาศห้ามคนมาชุมนุม หากมีคนฝ่าฝืน จะดำเนินคดี โดยมีโทษจำคุก 6 เดือน และขอให้ประชาชนไม่ไปไหน หยุดอยู่บ้านในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์

ใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และเทคโนโลนี คุมเข้มเว้นระยะห่าง

สำหรับประเทศที่บังคับใช้กฎหมายแล้ว เช่น ตูนิเซีย ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงวัยรุ่นที่มารวมกลุ่มกันในการแข่งขันแกะชน ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมในแอฟริกาเหนือ ส่วนที่แอฟริกาตำรวจได้ยิงกระสุนยางใส่ประชาชนที่มายืนต่อแถวกันอย่างแออัด เพื่อไปเลือกซื้อสินค้า และที่ประเทศเยอรมนีตำรวจเข้าสลายการชุมนุมทันที เมื่อมีผู้มาชุมนุมประท้วงกันกว่า 200 คน


ในมอสโกก็มีการใช้เทคโนโลยีติดตามคนที่ไม่ปฏิบัติตาม โดยใช้ระบบจดจำใบหน้าของประชาชนเพื่อติดตามว่ามีการออกไปนอกพื้นที่หรือไม่ ส่วนประเทศนิวซีแลนด์สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนสามารถรายงานสดเมื่อพบคนกระทำผิด ส่งผลให้เว็บไซต์ดังกล่าวระบบขัดข้องไปบางช่วง เนื่องจากมีการรายงานการกระทำผิดมากกว่า 4,000 คดี


ขณะที่สิงคโปร์ มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งการซื้อสินค้า การรับประทานอาหาร และปิดโรงเรียน และแยกกักตัวผู้ป่วยอย่างชัดเจน ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยน้อบย ส่วนที่ไทย เริ่มมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น หากประชาชนทุกคนช่วยกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เว้นระยะห่างทางสังคมก็จะช่วยให้ตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 ลดลงได้

 

 

 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตร.แนะอย่ามั่วสุม-ทำผิดกฎหมาย แนะให้ร่วมมืออยู่บ้าน

เช็กระดับเครียดมาก - เครียดน้อย "เสี่ยงโรค COVID-19"

1 เดือนไทยป่วย 1,771 คน-เตือน กทม.แพร่เชื้อ 3 เท่า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง