“พล.อ.ประยุทธ” เตรียมแถลงผลงานรอบ 6 เดือน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี เตรียมการแถลงผลงานในรอบ 6 เดือนของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเพียงคนเดียว ในเวลา 9 นาฬิกาวันพรุ่งนี้(17 เม.ย.) โดยนำเสนอผลงานความก้าวหน้าทั้ง 11 ด้านขึ้นมาแถลง และจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งหลังการแถลงผลงานเสร็จจะเปิดให้สื่อมวลชนซักถาม
จากนั้นนายกรัฐมนตรี จะชมการแสดงผลงานรัฐบาลในด้านต่างๆ ที่จัดแสดง ณ ห้องโถงกลางตึกสันติไมตรี และแจกเอกสารสรุปผลงาน จำนวน 20 หน้า 500 ฉบับให้กับสื่อมวลชน ส่วนฉบับเต็ม 139 หน้า คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล หรือ กขน.จะโหลดลงเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th ในวันที่ 17เมษายน 2558
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลงานของรัฐบาลที่สำคัญที่สุดและทำได้ดีมาโดยตลอดคือผลงานด้านความมั่นคง ส่วนประเด็นปลีก เช่น เรื่องการค้ามนุษย์ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน และยาเสพติดได้ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
ส่วนด้านเศรษฐกิจยอมรับว่า เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า รัฐบาลต้องมองภาพรวมทั้งการส่งออก รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก คือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ โดยยังมีอีกหลายโครงการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ
ขณะที่ ภาคเอกชนส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศได้ดี เช่น นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทย และรองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า แม้การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา จะไปทุ่มเทให้กับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ แต่หลังจากนี้อยากรัฐบาลควรให้ความสำคัญและรีบดำเนินการเรื่องการวางแผนแก้ปัญหาในการผลิตภาคการเกษตรในระยะยาว โดยปรับโครงสร้างราคาสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน
ขณะที่นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า นโยบายที่รัฐบาลพยายามใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่เห็นผลในระยะยาว แต่ขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณยังทำได้ช้า ซึ่งในภาพรวมมองว่าผลงานรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาได้ร้อยละ 70 โดยสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ด้วยการขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นรูปธรรม