เมื่อวานนี้ออกจากบ้านหรือเปล่า? สำรวจคนไทยช่วง COVID-19

สังคม
15 เม.ย. 63
15:28
1,121
Logo Thai PBS
เมื่อวานนี้ออกจากบ้านหรือเปล่า? สำรวจคนไทยช่วง COVID-19
กรมอนามัย ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจคนไทยในช่วง COVID-19 ด้วยคำถามว่า เมื่อวานนี้ออกจากบ้านหรือไม่? พบประชาชน 47.1% ยังต้องออกจากบ้าน เพราะความจำเป็น แต่ประชาชนกว่า 85% ล้างมือทุกครั้งทั้งในและนอกบ้านและรักษาระยะห่าง-สวมหน้ากากอนามัยมากขึ้น

วันนี้ (15 เม.ย.63) เวลา 13.30 น. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลง COVID-19 โดย พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า สธ.ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนระหว่างวันที่ 2-8 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยถามว่า "เมื่อวานนี้ออกจากบ้านหรือไม่?"

ประชาชนจำนวน 47.1% ยังออกจากบ้าน โดย 94.2% ระบุเหตุผลว่า จำเป็นต้องออกไปทำงาน ซื้ออาหาร/เครื่องใช้ ออกไปหาหมอ หรือทำธุรกรรมบางอย่าง โดยในจำนวนนี้ 9.4% ใช้บริการขนส่งสาธารณะในการเดินทาง ขณะที่ประชาชนอีก 11.1% ระบุว่า อยู่บ้านแต่มีคนมาหา ส่วนอีก 41.8% อยู่บ้านและไม่มีคนมาหา

 


ส่วนการป้องกันตัวเองทั้งในและนอกบ้าน พบว่า ประชาชนจำนวน 85.2% ล้างมือหรือใช้แอลกอฮอล์เจลทุกครั้ง ขณะที่ 76.7% ใส่หน้ากากทุกครั้ง ส่วนอีก 62.7% รักษาระยะห่าง 1-2 เมตร เมื่อพบคนอื่น และ 59.8% ระวังไม่เอามือไปจับหน้าตัวเอง

พญ.พรรณพิมล ระบุว่า เมื่อพิจารณาข้อมูลที่เป็นปัจจัยในการดูแลตัวเอง พบว่าแต่ละอาชีพไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ภาคการเกษตรอาจจะเว้นระยะห่างทางสังคมได้มากกว่าอาชีพอื่น โดยอยู่ที่ 74.42% เพราะการทำงานสามารถอยู่ห่างกันได้ ส่วนนักเรียน-นศ. ยังลดการเว้นระยะห่างได้น้อย เนื่องจากยังเป็นกลุ่มวัยที่ต้องการมีปฏิบัติสัมพันธ์

 


ทั้งนี้ ในอนาคตยังต้องควบคุมและประเมินสถานประกอบการต่างๆ และเน้นย้ำสุขอนามัยของตนเอง แม้จะมีแนวโน้มการสวมหน้ากากที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ อีกส่วนสำคัญคือ กลุ่มเสี่ยง ที่อยู่ในการกักตัวดูอาการ ต้องดูแลอย่างระมัดระวัง คุมเข้มมาตรการ

นอกจากนี้ ยังต้องสนับสนุนปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนและสนับสนุนการ work from home โดยเน้นเรื่องการปรับใช้เทคโนโลยีทั้งการเรียนออนไลน์ และการประชุมงานออนไลน์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 


ชุมชนแออัดสวมหน้ากากผ้า 90% นำมาเป็นอาชีพเสริม

รายงานจากการศึกษาและการลงพื้นที่สำรวจในชุมชนแออัด พบว่า ประชาชนในชุมชนแออัดสวมหน้ากากผ้าได้ถึง 90% และนำหน้ากากผ้ามาเป็นอาชีพเสริมรายได้ ส่วนการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก็ดำเนินการได้มากเช่นกัน

ส่วนการออกนอกบ้านมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่จำกัดการออกนอกบ้านด้วย อีกทั้งคนในชุมชนแออัดก็หมั่นสังเกตอาการตัวเองมากขึ้น แต่สิ่งที่ควรเพิ่มเติมคือ ชุมชนแออัดยังเข้าถึงแอลกอฮอล์เจลได้น้อยเมื่อเทียบกับหน้ากากผ้า และยังต้องมีการสนับสนุนปัจจัย 4 ให้เพิ่มเติมด้วย


ส่วนในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง สำหรับนายจ้างต้องหมั่นตรวจสอบความสะอาดทั้งที่อยู่อาศัย และพื้นที่ส่วนกลาง โดยเน้นย้ำลดการใช้พื้นที่ส่วนกลาง และสนับสนุนให้มีเจลแอลกอฮอล์มากขึ้น และคัดกรองคนในที่ทำงานด้วย

สำหรับแรงงาน เน้นการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ งดใช้ของร่วมกัน ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการสังสรรค์หรือรวมกลุ่มหลังเลิกงาน และเน้นรับประทานอาหารปรุงสุกจะช่วยป้องกันไวรัส COVID-19 ได้

สำรวจตลาด 337 แห่งทั่วไทย สวมหน้ากากเกือบ 100%

 
ขณะที่กรมอนามัยได้ระดมความร่วมมือจากตลาดทั่วประเทศ เพื่อกำหนดจุดเข้า-ออกชัดเจน เพื่อให้บริการเจลแอลกอฮอล์หรือให้มีจุดล้างมือก่อนเข้าตลาด และเน้นการเว้นระยะห่างสำหรับร้านค้า โดยให้เจ้าของตลาดเน้นประชาสัมพันธ์มาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการสวมหน้ากาก

จากผลสำรวจตลาด 337 แห่งทั่วประเทศ พบว่ามีการกำหนดทางเข้า-ทางออกได้ 30-40% เพื่อคัดกรองคนก่อนเข้าตลาด ส่วนการจัดจุดล้างมือและตั้งเจลแอลกอฮอล์ก็ทำได้มากขึ้น และการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยก็ทำได้เกือบ 100% แล้ว


ส่วนเรื่องการเว้นระยะห่างพบว่ามีตลาดประมาณ 10% ที่ยังไม่ดำเนินการ ขณะที่มีการเว้นระยะห่างระหว่างแผง และระหว่างผู้ขายกับผู้บริโภคก็ต้องเพิ่มการดำเนินการให้มากขึ้น

ทั้งนี้ กรมอนามัยได้ทำ Thai stop covid-19 เพื่อให้ขึ้นหมุดสีเขียว แสดงว่าตลาดใดบ้างที่อยู่ใกล้บ้านและดำเนินการตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนใครที่ไปตลาดแล้วพบว่า ไม่ได้ทำจริง สามารถแจ้งกลับมาที่กรมอนามัยได้

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง