วันนี้ (16 เม.ย.2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทาง โดยการพัฒนาระบบตั๋วร่วม หรือ Common Ticketing System ซึ่งปัจจุบันมีตั๋วที่ใช้บริการในระบบขนส่งสาธารณะด้วยกัน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.ตั๋วแมงมุม 2.เอ็มอาร์ที 3.บัตรแรบบิท และ 4.บีทีเอส
กระทรวงคมนาคมได้ประชุมคณะกรรมการและจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ ในส่วนของการเติมเงินให้เติมเงินที่ผู้ออกบัตรเท่านั้น แต่สามารถอ่านข้อมูลในบัตรข้ามระบบกันได้
ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM และ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS
โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม ดำเนินการในการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเรื่องการจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งจะมีโครงสร้างในการกำหนดบอร์ดบริหาร, กำหนดคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จะใช้ตั๋วร่วม
โดยใช้เวลาเร็วที่สุดภายในเดือนมิ.ย.นี้ เรื่องระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเรื่องบริหารจัดการบริหารตั๋วร่วมจะมีผลบังคับใช้ช้าที่สุดภายในเดือนก.ย.2563 ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณา ว่ามีการปรับถ้อยคำหรือไม่ และอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการในเรื่องที่จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาจารณาลงนามแต่งตั้งคำสั่ง
เมื่อระเบียบสำนักนายกฯ ออกมาแล้ว ก็จะสามารถบูรณาการระบบตั๋วร่วมทั้งหมด ซึ่งประชาชนจะมีค่าตั๋วใบเดียว ที่สามารถเดินทางได้ทุกระบบ โดยภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเชื่อมระบบตั๋วร่วมได้ระหว่างบีทีเอสกับบีอีเอ็ม เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกสบาย
หลังจากนี้ จะพัฒนาให้ใช้กับรถ ขสมก.และระบบการเดินทางทางน้ำ และเรือด่วนต่างๆ แต่ต้องใช้เวลาเนื่องจากทั้ง ขสมก.และเรือด่วนยังต้องพัฒนาเครื่องมือในการอ่านตั๋ว แต่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2564