รอลุ้นอังคารหน้า! ต่อ-ไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

การเมือง
21 เม.ย. 63
14:15
2,024
Logo Thai PBS
รอลุ้นอังคารหน้า! ต่อ-ไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายกฯ เผยยังไม่กำหนดวันปลดล็อกมาตรการคุมเข้ม COVID-19 รอดูความพร้อมเอกชนและข้อมูลด้านสาธารณสุข แจงส่งหนังสือ 20 มหาเศรษฐีไม่ใช่ขอเงิน แต่ขอทราบการดูแลเยียวยาคนในภาคธุรกิจ

วันนี้ (21 เม.ย.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า สถานการณ์หลายอย่างดีขึ้น สถิติผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงตามลำดับ ส่วนขั้นตอนต่อไปจะพิจารณาอย่างไร อย่าเพิ่งผลีผลาม หลายคนขอให้ปลดส่วนนั้นส่วนนี้ เราต้องรอฟังข้อมูลด้านสาธารณสุขและฟังแพทย์ก่อน และพิจารณาว่ามีมาตรการอื่นๆ รองรับเพียงพอหรือไม่ เพราะไม่ต้องการตัดสินใจจากแรงกดดันต่างๆ อยากให้การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นไปตามข้อเท็จจริง

ถ้าปลดเร็วไป การแพร่ระบาดเกิดขึ้นอีก มันจะล้มเหลวทั้งหมด อันนี้ผมต้องดูแลเป็นพิเศษ

ส่วนจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อหรือไม่ จะมีการพิจารณาในวันอังคารหน้า (28 เม.ย.2563) ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนและการประเมินด้านสาธารณสุข สองปัจจัยนี้เป็นตัวชี้วัดในการผ่อนปรน

เรื่องการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังมีอยู่มาก ยังไม่น่าพอใจ แต่ขอบคุณคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลจนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ส่วนผู้ประกอบการต้องเสนอมาว่าจะทำอะไรได้บ้าง เช่น มี Social Distancing และการจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการ เป็นต้น

"ผมยังไม่บอกว่าเมื่อไหร่ ท่านเตรียมของท่านและเสนอมาให้ผมทราบเพื่อพิจารณา ถ้ายังไม่เหมาะสมก็ยังไม่ให้เปิด ที่ห่วงคือสุขภาพ เพราะสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ถ้าเปิดเร็วเกินไปจากแรงกดดันจะเสียเปล่า"

"บางอย่างไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากนัก แต่กลับปลุกระดมให้ประชาชนวิตกกังวลหรือเกิดความไม่เรียบร้อย สิ่งที่ทำมาจะพังหมดเป็นศูนย์ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นสิ่งรัฐบาลจะตรวจสอบอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะมีมาตรการดังกล่าวออกมาได้"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่สำคัญช่วงนี้ประชาชนต้องดำรงชีวิตอย่างพอเพียง และขอให้ดูมาตรการต่างๆของรัฐบาลด้วย เช่น เรายังมีมาตรการเงินกู้ ขออย่ามองเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาอย่างเดียว นอกจากนี้ขอขอบคุณภาคเอกชนและทุกภาคส่วนที่ได้ดูแลห่วงโซ่อุปทาน ผู้ผลิต และส่วนอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ขอขอบคุณท่านที่ทำมาพอสมควร

ส่วนการส่งหนังสือสอบถามไปยัง 20 คน เพราะอยากรู้ว่าท่านทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำอะไรมากกว่านั้นหรือไม่ ไม่ใช่การพูดคุยเพื่อให้มีการแข่งขัน ไม่ใช่การบังคับ และไม่ใช่เรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และตนคงไม่ได้ไปพูดคุยครับทุกคน แต่หากมีส่วนที่รัฐบาลจะช่วยอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือประชาชนได้ก็ขอให้ส่งเรื่องมายังรัฐบาล

"การส่งจดหมายเป็นการทำงานเพื่อให้รับทราบว่าท่านได้ช่วยเหลือบุคลากร ลูกจ้าง ซัพพลายเออร์ แล้วอย่างไร ไม่ใช่รัฐบาลจะกู้เงินหรือยืมเงินจากเขา ส่วนการช่วยเหลือประชาชนอันนั้นเป็นเรื่องของท่านที่ทำอยู่แล้ว ผมก็ทราบว่าทุกคนทำหน้าที่อยู่แล้วขอขอบคุณเป็นการล่วงหน้า"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง