วันนี้ (21 เม.ย.2563) นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีผู้ป่วยที่หายแล้วแต่กลับมาป่วยซ้ำ โดยระบุว่ากรณีของผู้ป่วย จ.ชัยภูมิ ที่หายแล้ว คือ ไม่มีอาการไข้ แต่ตรวจ PCR หรือตรวจเชื้อแล้วยังเป็นบวก ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเป็นการตรวจเจอซากเชื้อ ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นได้เพราะยังอยู่ในระยะที่ต้องแยกตัวจากคนอื่นเพื่อพักฟื้นเป็นเวลา 30 วัน
ส่วนกรณีผู้ป่วยที่ จ.เชียงราย ถือเป็นรายที่ 2 ที่ได้รับรายงาน ต้องเรียนว่าผู้ป่วยคนนี้อยู่ในระยะแยกจากคนอื่นเพื่อพักฟื้นเป็นเวลา 30 วันเช่นกัน แต่ผู้ป่วยคนนี้กลับเข้ามารักษาด้วยอาการไข้สูง และเอกซเรย์พบปอดอักเสบ
ขณะนี้ยังต้องรอสอบสวนโรคและวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นเป็นการติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือติดเชื้อซ้ำเติมจากแบคทีเรีย เพราะอย่างไรก็ตาม ระหว่างพักฟื้น 30 วัน ร่างกายแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนอาจจะฟื้นฟูตนเองและสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็ว บางคนอาจจะช้า
โรคนี้เป็นโรคใหม่ ยังต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ร่างกายจะมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อซ้ำได้ เราจึงต้องดูแลคนไข้ให้ได้มาตรฐานมากที่สุด และต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ กรณีผู้ป่วยไม่รุนแรง มีปัจจัยเสี่ยง กลุ่มเหล่านี้จะนอนโรงพยาบาล 2 สัปดาห์แล้วให้กลับบ้าน หากมไ่มีภาวะปลอดอักเสบ แต่เมื่อกลับบ้านแล้วแพทย์จะติดตามเพื่อให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองที่บ้านอย่างน้อย 14 วัน แยกตัวจากคนอื่นอย่างชัดเจน รวมต้องแยกตัวสะสมอย่างน้อย 30 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสจ.เชียงรายเร่งหาสาเหตุผู้ป่วย COVID-19 ป่วยซ้ำกลับเข้า รพ.
ศบค.ตีวงค้นหาโรค “กลุ่มแรงงาน” หวั่นซ้ำรอยสิงคโปร์
รอลุ้นอังคารหน้า! ต่อ-ไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน