ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา เตือนประชาชนให้เคารพกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ฝ่าฝืนดำเนินคดีโทษปรับสูงสุด 100 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 200,000 บาท และ/หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี
เอนี่ บาสเวดาน ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตาแถลงเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ภายหลังประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา ประกาศขยายเวลามาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มข้นต่อไปอีก 28 วัน สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ค. สองวันก่อนวันอิดิลฟิตริ หรือที่ชาวไทยมุสลิมเรียกว่าวันฮารีรายอ
มาตรการดังกล่าวห้ามไม่ให้ประชาชนรวมกลุ่มทุกรูปแบบ หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากาก ร้านอาหารอนุญาตให้ขายเฉพาะซื้อกลับ ธุรกิจต้องหยุดทำงาน ยกเว้นกิจการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ธนาคาร โทรคมนาคม ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ยังมีประชาชนฝ่าฝืนกฎหมายรวมกลุ่มทำกิจกรรม และธุรกิจหลายแห่งไม่หยุดประกอบกิจการ
ต่อไปนี้เจ้าหน้าที่จะไม่มีการว่ากล่าวตักเตือนอีกต่อไปแล้ว ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกดำเนินคดีเท่านั้น
กรุงจาการ์ตาเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดโควิด-19 รุนแรงที่สุดในอินโดนีเซีย ครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมและผู้เสียชีวิต อยู่ที่เมืองหลวงซึ่งมีประชากรราว 30 ล้านคน นักระบาดวิทยารวมทั้งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินโดนีเซีย จึงออกมาเตือนให้รัฐบาลประกาศมาตรการเข้มข้น ห้ามประชาชนเดินทางโดยเฉพาะช่วงก่อนวันออกบวชเดือนรอมฎอน ชาวอินโดนีเซียมีธรรมเนียมเดินทางกลับไปฉลองกับครอบครัวในวันอิดิลฟิตริ ซึ่งปี 2562 ประมาณว่ามีชาวอินโดนีเซียเดินทางช่วงนี้ประมาณ 20 ล้านคน
เมื่อวันอังคารประธานาธิบดีโจโก วิโดโด จึงมีคำสั่งห้ามเดินทางในช่วงเดือนรอมฎอน คือ ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. เป็นต้นไป
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย แถลงเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ว่ามีการเตรียมกำลังตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครพลเรือน รวม 175,000 คน ดูแลรักษาความสงบและคุมเข้มไม่ให้ประชาชนฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทาง รวมทั้งการตั้งด่านควบคุมการเดินทางเข้าออกเมืองหลวง รวม 19 จุด