กรมอนามัยแนะกินอาหารหลากหลาย ห่างไกล COVID-19

สังคม
30 เม.ย. 63
14:01
1,547
Logo Thai PBS
กรมอนามัยแนะกินอาหารหลากหลาย ห่างไกล COVID-19
กรมอนามัยแนะรับประทานทานอาหารหลากหลาย มีผักและผลไม้ทุกมื้อ ระวังการรับประทานอาหารสั่งมารับประทานที่บ้านเนื่องจากส่วนใหญ่มีแคลลอรี่สูง

วันนี้ (30 เม.ย.63) กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคไวรัส COVID-19โดย พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย แถลงในประด็น "กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกล COVID-19" โดยระบุว่า ขอให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หากสั่งเดลิเวอร์รี่ขอให้เลือกแบบอุ่นได้ มีภาชนะช้อนและส้อมส่วนตัว และล้างมือก่อนรับประทานอาหาร

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และแม้ว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ไปแล้วก็ควรรับประทานที่ดีต่อสุขภาพ เช่น 1.การรับประทานอาหารที่มีความหลากหลาย มีผักและผลไม้ในทุกมื้ออาหาร 2.เลือกและเก็บวัตถุดิบให้เหมาะสมกับการปรุงอาหาร 3.สร้างเมนูเพื่อสุขภาพ 4.ให้เด็กและเยาวชนดื่มนมจืดอย่างน้อย 1-2 แก้วต่อวัน 5.เด็กทารกควรดื่มนมแม่

ทั้งนี้ มีข้อควรระวังในช่วงนี้ คือ 1.อาหารตามสั่งมักที่จะมีแคลอรี่สูงซึ่งควรมีการออกกำลังกาย 2.การรับประทานอาหารจุบจิบระหว่างมื้ออาจมีความเค็มและการแต่งเติมรสชาติ 3.ระมัดระวังอาหารสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น อาหารที่มีไขมันสูง หวานจัด เค็มจัด ขณะที่ในช่วงนี้ซึ่งเป็นฤดูกาลผลไม้ทั้งมะม่วงและทุเรียน ซึ่งผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวไม่ควรรับประทนมากเกินไป มะม่วงสุกไม่ควรเกิน 1 ผล ทุเรียนไม่ควรเกิน 1 พู

 

อธิบดีกรมอนามัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ควรรับประทานอาหารเสริมระบบภูมิคุ้มกันซึ่งประกอบด้วยวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้ อาหารที่มีวิตามิน C จะช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการขจัดเชื้อโรค ช่วยต้านภูมิแพ้มีในฝรั่ง มะขามป้อม มะเขือเทศ เงาะ คะน้า พริกหวานเขียว เป็นต้น

อาหารที่มีวิตามิน E ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันปาล์ม ถั่วลิงสง ไข่ไก่ เป็นต้น

รวมถึงอาหารที่มีวิตามิน D มีความจำเป็นสำหรับการทำงานที่เหมาะสมของระบบภูมิคุ้มกันมีในน้ำมัน ตับปลา ไขมัน นม เนย ตับสัตว์ ตับ ปลาทู ไข่แดง ปลาแซลมอน ปลาซาดีน และแสงแดด เป็นต้น  และธาตุซิลีเนียม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยควบคุมระดับไทรอยด์มีในปลาทูสด ไข่ เครื่องใน ปลาจาระเม็ดสด เนื้อปูต้มสุก ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ของกรมอนามัย 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง