นายกฯ เตือนเรื่องการเมืองไม่เหมาะในช่วงแก้วิกฤต COVID-19

การเมือง
12 พ.ค. 63
15:02
391
Logo Thai PBS
นายกฯ เตือนเรื่องการเมืองไม่เหมาะในช่วงแก้วิกฤต COVID-19
พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบกรณีคณะก้าวหน้ายอมรับเกี่ยวข้อง ยิงเลเซอร์เชิงสัญลักษณ์ ระบุว่า เป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะในช่วงแก้ปัญหา COVID-19 พร้อมระบุ ศบค.จะลงพื้นที่ประเมินการผ่อนปรนระยะที่ 2 วันที่ 15 พ.ค.นี้

วันนี้ (12 พ.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า การประชุม ครม.วันนี้ เป็นการประชุมเต็มคณะครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ซึ่งเหมือนกับนักเรียนที่เพิ่งเปิดเทอม ที่รัฐมนตรีทุกคนได้มาพบปะกัน และยินดีที่ได้เห็นทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะทำงานต่อ การทำงานจะรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย และขอขอบคุณ ประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับการแก้ปัญหานี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมวันนี้ไม่ได้นำวาระแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) เข้าหารือ เนื่องจากการจัดทำแผนนี้ จำเป็นต้องหารือทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร ก่อนที่จะสรุป และนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

แผนฟื้นฟูของการบินไทยจะต้องเป็นแผนที่มีประสิทธิผล และอยากจะให้บุคลากรในการบินไทย เข้าใจว่ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะฟื้นฟูองค์กรไม่ได้ขัดแย้งกับใคร พร้อมฝากไปถึงสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ให้เข้าใจเจตนาของรัฐบาลด้วย

รัฐบาลยังไม่ได้พูดคุย แนวทางการค้ำประกันเงินกู้ เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาของการบินไทย ดังนั้นต้องให้มีกระบวนการทำให้แผนฟื้นฟูมีความชัดเจน ก่อนที่จะนำมาพิจารณาในที่ประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กรณีที่คณะก้าวหน้าออกมาแสดงความรับผิดชอบว่า ได้ยิงเลเซอร์ข้อความในสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 10 พ.ค.2553 และไม่ตอบคำถามเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่เห็นว่าในช่วงเวลาสถานการณ์ขณะนี้ ไม่เหมาะสมที่จะออกมาเคลื่อนไหว และนำเรื่องอื่นๆ มาเกี่ยวข้องกับ

ในช่วงนี้ขออย่าออกมาทำให้สังคมเกิดความสับสน ในขณะที่ประชาชนเองต้องคิดและตัดสินใจ กลั่นกรองข่าวสารที่ออกมา ว่าถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือประเทศต้องการความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้เยียวยาผู้ที่รับผลกระทบเกี่ยวกับการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ไปแล้ว ซึ่งไม่ได้มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างเป็นเรื่องการดูแลประชาชน ซึ่งการดูแลประชาชนทั้งหมดนั้นจะต้องอยู่บนหลักของกฎหมาย และขอให้ประชาชนทุกคนปรับวิธีการใช้ชีวิตใหม่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้เห็นภาพของตู้ปันสุข ที่เป็นการดูแลซึ่งกันและกัน และขอชื่นชมคนที่เป็นผู้ให้ และอยากจะฝากไปถึงผู้รับว่า ต้องมีจิตสำนึกและขออย่าให้เห็นภาพการนำเสนอผ่านสื่อที่มีประชาชนไปรุมหยิบเอาของ จนหลายคนไม่มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และอยากจะให้ทุกคนช่วยเหลือกัน เพื่อให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันที่ 15 พ.ค.นี้ คณะกรรมการใน ศบค.จะลงพื้นที่เพื่อติดตามความพร้อมของกิจการร้านค้า ที่จะได้รับการผ่อนปรนระยะที่ 2 ว่า มีมาตรฐานในการดูแลเมื่อเปิดให้บริการอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้หากเห็นว่ามีประสิทธิภาพ ก็จะนำไปเป็นตัวอย่างให้กับสถานประกอบการอื่นอื่นอีกต่อไป แต่ย้ำว่า ทุกกิจการเมื่อมีการผ่อนปรนแล้วจะต้องรักษามาตรฐาน ด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวดต่อไปเพราะหากหย่อนยาน เมื่อสั่งให้เปิดได้ก็สั่งให้ปิดไม่ให้บริการได้เช่นกัน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า จะต้องพิจารณาเรื่องมาตรฐานของสาธารณสุขเป็นหลัก ไม่ได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐ ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ว่าจำเป็นต้องคง พ.ร.ก.นี้ไว้หรือไม่ แต่ทราบว่ามีสื่อจัดทำโพลนี้ไปแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาจะเห็นว่า ร้อยละ 88 ก็เห็นด้วยที่จะให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไป และแม้ว่า วันใดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่ทุกคนจะยังคงช่วยกันคงมาตรการเอาไว้ก่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง