ลุงแท็กซี่ใช้หนี้อู่แล้ว 1.5 หมื่นบาท ลูกสาวยืนยันพ่อลำบากจริง

สังคม
13 พ.ค. 63
15:37
16,662
Logo Thai PBS
ลุงแท็กซี่ใช้หนี้อู่แล้ว 1.5 หมื่นบาท ลูกสาวยืนยันพ่อลำบากจริง
จากกระแสข่าวโชเฟอร์แท็กซี่ที่ได้รับบริจาคเงิน 8 ล้านบาท ไม่ได้ลำบากจริงและยังไม่จ่ายค่าเช่ารถแท็กซี่ ล่าสุดลูกสาวเปิดใจไทยพีบีเอส พ่อลำบากจริง ดูแลน้องชายป่วยและไม่มีบ้านอยู่ ซึ่งได้ช่วยเหลือมาตลอด ส่วนเงินที่ได้มาก็นำไปซื้อบ้านและบริจาคต่อจำนวนหนึ่ง

วันนี้ (13 พ.ค.2563) ลูกสาวนายสิทธิชัย ใกล้ชิต คนขับแท็กซี่ที่ได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือ 8.3 ล้านบาท เปิดเผยไทยพีบีเอสว่า ครอบครัวมีพ่อแม่และลูกอีก 4 คน ต่อมาพ่อกับแม่แยกทางกัน พี่น้องทั้ง 4 คนก็แยกย้ายไปทำมาหากิน พ่อยังอยู่บ้านเดิมของแม่และดูแลน้องชาย

ก่อนหน้านี้ น้องชายมีอาชีพขับแท็กซี่ ต่อมาขับไม่ได้เพราะติดสุราและมีปัญหาสุขภาพจิต ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา กินน้ำยาซักผ้าขาวเข้าไป พยายามฆ่าตัวตาย แต่มีเพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน ขณะนี้ก็ยังอยู่ในโรงพยาบาล 

ลูกสาวนายสิทธิชัยกล่าวว่า หลังจากเป็นข่าวว่าเจ้าของอู่แท็กซี่แจ้งความว่าพ่อค้างค่าเช่า ก็ติดต่อไป ทราบว่าคนที่ค้างค่าเช่าเป็นน้องชาย 14,000 บาท ตนจึงโอนเงินคืนให้เจ้าของอู่ไปแล้ว 15,000 บาท ซึ่งตนและพ่อไม่ทราบว่าน้องชายไปติดค้างกันไว้เมื่อใด

 

ส่วนหนี้ค่าเช่ารถแท็กซี่ของพ่อที่ค้างไว้จำนวน 1,400 บาท ก็โอนไปพร้อมกัน ซึ่งสาเหตุที่พ่อไม่ได้จ่าย เพราะไปทำธุระงานศพของย่า

ทุกวันนี้ พ่อไม่ได้หนีไปไหน ยังขับแท็กซี่ทุกวัน โดยซื้อแท็กซี่มือหนึ่งมาขับ ยังขยันทำมาหากินเหมือนเดิม แม้จะมีรายได้วันละ 200-300 บาท เพราะในอนาคต หากขับไม่ไหว ลูกหลานจะได้มีรถไว้ขับทำมาหากิน

ลูกสาวนายสิทธิชัยกล่าวต่อว่า ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคมานั้น พ่อได้นำไปใช้จ่าย คือ ซื้อบ้านหลังใหม่ เป็นบ้านมือสอง ราคา 1.59 ล้านบาท ซื้อรถแท็กซี่ 1 คัน ราคา 9.7 แสนบาท ซื้อบ้านหลังที่เป็นของแม่ (ที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน) เพื่อให้ลูกหลานที่เป็นพี่น้องของตนอยู่อาศัยต่อไปในราคา 1.5 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งนำไปบริจาคเป็นสาธารณะกุศล เช่น บริจาคให้โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ 1 แสนบาท

 

บริจาคซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่า 1 แสนบาท

 

บริจาคมูลนิธิเพื่อคนขับรถแท็กซี่ 1 แสนบาท

 

ให้เป็นสินน้ำใจเจ้าของอู่แท็กซี่ที่เคยช่วยเหลือเมื่อตอนลำบาก 1 แสนบาท

 

ครอบครัวยังมีความตั้งใจจะไปบริจาคที่โรงพยาบาลที่ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นบ้านเกิด และสถานสงเคราะห์ช่วยเหลือคนพิการอีกด้วย แต่ยังติดสถานการณ์การระบาด COVID-19 ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทาง

เรื่องที่เกิดขึ้นได้คุยกับพ่อแล้ว พ่อไม่สบายใจมาก จนเกิดอาการเครียดที่มีการสื่อสารออกไปแบบนั้น

ลูกสาวนายสิทธิชัยกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเปิดร้านเสริมสวยอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ และดูแลช่วยเหลือพ่อมาตลอด เช่น จ่ายค่าเช่ารถแท็กซี่ ค่าน้ำ ค่าไฟ หากพ่อขัดสน แต่พ่อก็ยังขับแท็กซี่เรื่อยมา เพราะอยากดูแลตัวเอง ตนเคยขอให้พ่อหยุดขับแท็กซี่เพราะอายุมากแล้ว แต่พ่อไม่ยอมเลิก

ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร เพราะคนในครอบครัวทำงานหาเช้ากินค่ำ แต่ผลกระทบ COVID-19 ทำให้เปิดร้านไม่ได้ พร้อมกันนี้ยังขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือพ่อ

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง