วันนี้ (13 พ.ค.2563) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ครั้งที่ 1/2563 ประเด็นสำคัญในการประชุมอยู่ที่การคลายล็อกมาตรการในระยะที่ 2
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ต้องรอนำผลสรุปข้อมูลการประชุมในวันนี้ (13 พ.ค.) ไปเข้าประชุมใน ศบค.ชุดใหญ่ ในช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการเสนอเป็นไปตามที่นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.เคยแถลงไป
ส่วนความพร้อมในการเปิดห้างสรรพสินค้านั้น จากการเดินทางไปตรวจที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน ก็มีความพร้อมมากกว่าร้อยละ 80-90 ซึ่งจากการประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคงห้างสรรพสินค้าเองมีความพร้อมในการเปิดให้บริการ ซึ่งยังไม่ใช่การเปิดทั้งหมด โดยขณะนี้ยังห่วงการปรับตัวในวิถีชีวิตแบบใหม่ของประชาชน ซึ่งในขั้นต่อไปประชาชนจะต้องมีการเช็กอิน เช็คเอ้าท์ยังสถานที่ต่างๆ เพื่อสะดวกต่อการสอบสวนโรคได้ แต่หากยังไม่ให้ความร่วมมือ จะทำให้การสอบสวนโรคนั้นยากขึ้น
และหากมีการคลายล็อกในระยะที่ 2 จะส่งผลต่อการทะลักเข้าของคนไทยตามแนวชายแดนหรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ขณะนี้ยังคงต่อซีลประเทศอยู่ และปัจจุบันการเข้ามาของคนลักลอบเข้าประเทศยังน้อยลง แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองจะเข้ามามอบตัวเนื่องจากฝ่ายรัฐไม่ได้ลงโทษสถานหนักเป็นเพียงการจัดระบบใหม่
ส่วนการจัดทำผลโพลได้เสนอในที่ประชุม ให้หน่วยที่ไม่ใช่ทหารเป็นผู้ทำ เพราะประชาชนจะเชื่อมากกว่า ซึ่งผลการหารือจะยึดผลสำรวจจากหน่วยงานที่ไม่ใช่ทางทหารเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการหารือเพียงภาพรวมการเตรียมมาตรการผ่อนคลายให้เปิดบางกิจการเพิ่มเติมได้ในระยะที่ 2 เพื่อเตรียมประชุมร่วมกับ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ในวันที่ 15 พ.ค. โดยไม่มีการพูดถึงการขยายเวลาเคอร์ฟิว หากมีการอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าเปิดดำเนินกิจการได้ และยังไม่มีการหารือถึงประเด็นการขยายเวลาหรือยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด