วันนี้ (14 พ.ค.2563) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ทิศทางการคลายล็อกระยะที่ 2 เป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอไปบ้างแล้ว โดยการเปิดห้างสรรพสินค้าอาจมีการปิดบางแผนก แต่ส่วนใหญ่จะเปิดหมดเกือบทุกกิจการภายในห้างสรรพสินค้า เว้นแต่กิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น โรงภาพยนตร์ คาราโอเกะ ตู้เกมส์ โรงเรียนกวดวิชา ต้องสั่งห้ามเปิดไปก่อน และทางห้างสรรพสินค้าต้องปิดภายในเวลา 21.00 น.
ส่วนการประกาศลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น พล.อ.สมศักดิ์ ระบุว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการร้องขอของผู้ประกอบการ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ศบค. ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.2563) นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งการปรับเวลาเคอร์ฟิวจะปรับตามกิจกรรมหรือกิจการที่คลายล็อกออกมาเป็นตัวตั้ง และจะไม่มากไปกว่าเดิม
พล.อ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเลื่อนขยายประกาศเคอร์ฟิว จาก 22.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00-04.00 น.แต่ท้ายที่สุดต้องรอความคิดเห็นในที่ประชุมก่อน ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นบวกอย่างแน่นอน และเคอร์ฟิวเองจะไม่เข้มข้นไปกว่าเดิม
ขณะนี้ยังคงห่วงสถานการณ์ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง แต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เนื่องจากมีอีกหลายประเทศหลังการคลายล็อกจะมีการติดเชื้อในระลอกที่ 2 ซึ่งจะยิ่งยากต่อการควบคุม โดย ศบค.จะค่อยๆ คลายล็อกในแต่ละเฟสด้วยความระมัดระวังที่สุด รวมไปถึงยังห่วงประชาชนหลังการคลายล็อกในเรื่องความหย่อนยานมาตรการป้องกันตนเอง และการมั่วสุมชุมนุมกัน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจเข้มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะสถิติที่พบไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นยังคงมีอยู่ แต่ยังเชื่อว่าส่วนคนส่วนใหญ่ในประเทศให้ความร่วมมือดีจึงต้องมีการผ่อนปรนมาตรการลง ส่วนการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดจะยังเข้มข้นเช่นเดิมหรือไม่จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาคลายล็อกในกิจการต่างๆ