สปส.พร้อมจ่ายสิทธิประโยชน์ แม้เกิดวิกฤตทุกกรณี

วันนี้ (21 พ.ค.2563) นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานการบริหารการลงทุนกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ช่วงระหว่างเดือน ม.ค. - มี.ค.2563 ว่าสถานะเงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม ณ 31 มี.ค.2563 มีเงินลงทุนสะสมจำนวน 2,032,841 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสมทบที่จัดเก็บจากผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล จำนวน 1,357,119 ล้านบาท และดอกผลจากการลงทุนสะสม 675,722 ล้านบาท โดยลงทุนหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ร้อยละ 82 ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค. - มี.ค.2563 สำนักงานประกันสังคมสามารถสร้างผลตอบแทนกองทุนประกันสังคมได้ จำนวน 9,692 ล้านบาท

กองทุนเงินทดแทนมีเงินลงทุนสะสม 6 หมื่นล้าน

สำหรับกองทุนเงินทดแทน ปัจจุบันมีเงินลงทุนสะสม 64,621 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสมทบจากนายจ้าง 42,393 ล้านบาท และดอกผลจากการลงทุนสะสม 22,228 ล้านบาท โดยลงทุนหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงร้อยละ 4 ทั้งนี้ ในช่วงระหว่าง เดือน ม.ค. - มี.ค.2563 กองทุนเงินทดแทนสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ จำนวน 591 ล้านบาท และหากรวมเงินลงทุน กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน ในไตรมาส 1 ปี 2563 สำนักงานประกันสังคมสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงถึง 10,283 ล้านบาท

ยืนยันกองทุนมีเงินเพียงพอแน่นอน ขอให้มั่นใจ

นางพิศมัย กล่าวอีกว่า สำนักงานประกันสังคมมีความมุ่งมั่นในการบริหารกองทุนและสร้างผลตอบแทนสะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้แก่กองทุนประกันสังคม สามารถรองรับค่าใช้จ่ายในการดูแลและพัฒนาสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน แม้จะเกิดเหตุการณ์ในช่วงภาวะวิกฤตจากไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบการว่างงานของลูกจ้าง ผู้ประกันตน จำนวนมาก ซึ่งสำนักงานฯ มีเงินกองทุนเพียงพอที่จะนำไปจ่ายสิทธิประโยชน์ดังกล่าว โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พร้อมทั้งได้เตรียมสำรองสภาพคล่องไว้รอการจ่ายเงินแล้ว ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจว่ากองทุนมีเงินเพียงพออย่างแน่นอน

"ผู้ประกันตน" ยื่นอุทธรณ์ขอรับเงินว่างงานสุดวิสัย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกันตน มาตรา 33 หลายคนมายื่นเรื่องอุทธรณ์ขอรับเงินทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน บางส่วนสะท้อนถึงความเดือดร้อนที่ได้รับเงินล่าช้า เพราะยื่นเรื่องไปตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่นายจ้างบางส่วน บอกว่า ยื่นเรื่องผ่านระบบออนไลน์ให้ลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. แต่กลับไม่มีการแจ้งกลับมาว่าการตรวจสอบผ่านหรือไม่ จึงมาติดต่อด้วยตัวเอง เพราะลูกจ้างยังไม่ได้รับเงินเยียวยา