ศบค.แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

สังคม
21 พ.ค. 63
12:58
6,378
Logo Thai PBS
 ศบค.แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
ศบค.แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 คน สะสม 3,037 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม พร้อมย้ำการลงทะเบียนไทยชนะข้อมูลไม่รั่วไหล ช่วยให้กรมสอบสวนโรคสามารถติดตามผู้ติดเชื้อและผู้ที่มีความเสี่ยงได้

วันนี้ (21 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(ศบค.) แถลงสถานการณ์ COVID-19 โดยระบุว่าวันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อจำนวน 3 คน ยอดสะสม 3,037 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 56 คน หายดีแล้ว 2,897 คน รักษาตัวใน รพ. 84 คน ผู้ติดเชื้อใหม่ 3 คน อยู่ใน กทม. 2 คน ได้แก่ เป็นชายอายุ 72 ปี โรคประจำตัวเบาหวาน มะเร็งปอด ประวัติเดินทางไป รพ. และตัดผมที่ร้านแถวประชาชื่น

ผู้ติดเชื้อเพิ่มคนที่ 2 เป็นชายอายุ 42 ปี สัญชาติเยอรมัน ประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชัยภูมิ และเดินห้างสรรพสินค้าก่อนกลับมาตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานใน กทม. และตรวจพบเชื้อวันที่ 18 พ.ค.นี้

ขณะที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มคนที่ 3 เป็นหญิงอายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์ ก่อนกลับไทยและเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนดจากนั้นตรวจพบติดเชื้อเมื่อวันที่ 19 พ.ค.โดยไม่มีอาการ

ขณะที่สถานการณ์โลกผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น วานนี้ ( 20 พ.ค.63) ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 9.9 หมื่นคน ยอดสะสมจำนวน 5 ล้านคน เสียชีวิตจำนวน 3.2 แสนคน โดยสหรัฐฯ ติดเชื้อมากที่สุดจำนวน 1.59 ล้านคน รองลงมารัสเซียจำนวน 3 แสนคน และบราซิลจำนวน 2.9 แสนคน

ขณะที่อังกฤษประกาศลดจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวน 525 คน หลังตรวจสอบแล้วไม่พบเชื้อ ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียประกาศล็อกดาวน์ต่อถึงวันที่ 31 พ.ค.โดยบางรัฐอนุญาตให้เปิดบริการตลาด ร้านทำผม แต่ยังไม่เปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงภาพยนตร์

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยจอร์เจีย เผยผลวิจัย COVID-19 ว่าไวรัสจะตายเร็วขึ้นหากถูกความร้อนสูงหรืออุณหภูมิในรถยนต์สูง 54 องศาเซลเซียสในเวลา 20 นาทีจะทำให้เชื้อไวรัส 99.99% ตาย แต่ยังสนับสนุนให้สวมหน้ากากอนามัย

ขณะที่วันนี้ (21 พ.ค.) มีคนไทยกลับจากต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม จำนวน 15 คน จีนจำนวน 87 คน ออสเตรเลียจำนวน 295 คน อินเดีย จำนวน 215 คน ส่วนหนึ่งเป็นตัวเลขสะสมจากผลกระทบพายุไซโคลนอำพัน โดยจะเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด นอกจากนี้ยังเพิ่ม Quarantine ทางเลือก สำหรับกักตัวนักธุรกิจที่ต้องการขอจ่ายเงินเองทั้งหมด แต่ขอเลือกพักในโรงแรม และ รพ.ที่มีคุณภาพสูง พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการโรงแรม รพ.ร่วมดูแลลูกค้ากลุ่มนี้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) มีผู้ประกอบการร้านค้าสะสม 73,295 ร้านค้า ลงทะเบียนในแพลตฟอร์ไทยชนะ ขณะที่ผู้ใช้งานมีจำนวน 6.3 ล้านคน เช็กอินจำนวน 11 ล้านคน เช็กเอาต์จำนวน 8.6 ล้านคน ประเมินร้านจำนวน 5.2 ล้านคน

ทั้งนี้การประเมินร้านค้า ส่วนใหญ่ให้อยู่ในระดับ 5 คะแนน เมื่อวานนี้มีการตรวจจำนวน 21,697 ร้านค้า พบปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามมาตรการจำนวน 31 แห่ง เช่น การเว้นระยะห่าง ทั้งนี้พบมีการร้องเรียนผ่านสายด่วน ศปม.หมายเลข 191, 1599, 1138 จำนวน 84 เรื่อง โดยสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ได้แก่ ร้านอาหาร 58% ร้านเสริมสวย 23% ร้านค้าปลีกส่ง 10% สนามกีฬา 9%

โฆษก ศบค.ยังระบุว่า การใช้บริการโดยลงทะเบียนโดยใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ จะช่วยในการติดตามสอบสวนโรคกรณีที่พบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในสถานที่ใดหรือร้านค้าที่ไปใช้บริการ เช่นกรณีของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งไปใช้บริการร้านตัดผมย่านประชาชื่นที่มีกระบวนการสอบสวนโรคที่ยังค่อนข้างลำบาก โดยการลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะข้อมูลจะอยู่ที่กรมควบคุมโรคซึ่งจะช่วยในการสอบสวนโรคที่สะดวกมากขึ้นและข้อมูลจะถูกลบภายใน 60 วัน

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านนวดเรียกร้องเปิดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ย้ำว่า เป็นหนึ่งในกิจการที่รอผ่อนปรนระยะ 3 หากตัวเลขติดเชื้อดีขึ้นอยู่ในหลักหน่วยก็อาจเปิดได้แต่ขอให้ผู้ประกอบวางแผนและนำเสนอมาตรการป้องกันมาที่ ศบค.

นพ.ทวีศิลป์ ยังตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีสาเหตุที่โรงเรียนยังเปิดไม่ได้แตกต่างกับห้าง เพราะนักเรียนเป็นกลุ่มเปราะบางและมีความเสี่ยง ชอบเล่น สัมผัสกัน อาจมีโรคประจำตัวและติดเชื้อได้บ่อย เช่น ไข้หวัดใหญ่ หากนำไปติดเชื้อผู้สูงอายุที่บ้านจะอันตรายมาก จึงเป็นการชะลอการเปิดและจะหาทางสู่วิถีชีวิตใหม่ รวมถึง คณะรัฐมนตรียังขอความร่วมมือภาครัฐและเอกชนให้พนักงานทำงานที่บ้านอย่างน้อย 50% เพื่อลดความแออัดการใช้บริการรถสาธารณะ รวมทั้งการเหลื่อมเวลาทำงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง