ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ พ.ร.ก.กู้เงิน ต้องโปร่งใส-ไม่เอื้อกลุ่มบุคคล

การเมือง
27 พ.ค. 63
12:53
430
Logo Thai PBS
ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ พ.ร.ก.กู้เงิน ต้องโปร่งใส-ไม่เอื้อกลุ่มบุคคล
ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายรัฐบาลต้องสามารถชี้แจงรายละเอียดของ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับต่อสังคมได้ และต้องมีความโปร่งใส ไม่ใช่เป็นแหล่งทุนที่เอื้อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

วันนี้ (27 พ.ค.2563) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เพื่อพิจารณากฎหมายว่าด้วยการเงิน 4 ฉบับ รวมวงเงิน 1.98 ล้านล้านบาท กำหนดประชุมตั้งแต่ 27-31 พ.ค.นี้ ว่า ขอชื่นชมคนไทยทุกคนที่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุม COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ COVID-19 เบาบางไป แต่มีความผิดพลาดจากการบริหารของรัฐบาลภายใต้วิกฤต ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาหน้ากาดอนามัยให้ประชาชน และชุด PPE ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ขณะที่มาตรการกักตัวมีความสับสน การเยียวยาผลกระทบ การยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคลายล็อกเศรษฐกิจมีความล่าช้า

ทั้งนี้ ยอมรับว่าประเทศไทยมีความจำเป็นต้องหาเงินและงบประมาณจำนวนมากมากอบกู้เศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้ทรุดหนัก จนเป็นที่มาของ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ซึ่งรัฐบาลจะต้องพึงระลึกเสมอว่าเงินกู้มหาศาล คนที่จะต้องชดใช้ คือคนไทยจะทั้งประเทศ เม็ดเงินทั้งหมดจะต้องนำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง แต่รัฐบาลกลับทำได้เพียงแต่งตั้งคณะกรรมการเพียงไม่กี่คนขึ้นมาตรวจสอบจำนวนเงินมหาศาลเท่านั้น

นายสมพงษ์ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ในด้านสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท รัฐบาลจะต้องสามารถชี้แจงต่อสังคมได้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ใครจะได้รับประโยชน์ หากคนไทยได้ประโยชน์เฉลี่ยคนละ 1 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเอาไปใช้อะไร ซึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลนต้องขอบริจาคจากเอกชน ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาท ให้กับผู้มีอาชีพอิสระ และเยียวยาเกษตรกร รวมเป็นเงิน 555,000 ล้านบาท เกิดปัญหาในเชิงปฏิบัติ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกลับไม่ได้รับประโยชน์ ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมมีคนฆ่าตัวตาย ซึ่งอยากให้รัฐบาลใช้เยียวยาประชาชนแบบถ้วนหน้า

ส่วนงบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาท ฝ่ายค้านเป็นห่วงที่สุด แต่ละกระทรวงรับเงินไปแล้ว ทั้งที่ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับยังไม่ผ่านสภาเลย เป็นห่วงว่าจะเป็นเงินผันและตอบแทนผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งการกู้เงินควรให้เกิดโยชน์ ถูกต้อง และโปร่งใส ขณะที่งบประมาณที่รัฐบาลให้ธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) คาดว่าจะใช้เงินไม่หมด เพราะการกู้เงินจะต้องใช้หลักประกัน ทำให้เอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริงไม่ได้รับเงินกู้ เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์การกู้เงินของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะร่วมอภิปรายเชิงลึก พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ เพื่อให้การใช้เงินโปร่งใส ไม่ใช่เป็นแหล่งทุนที่เอื้อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง