วันนี้ (28 พ.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า ตามที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่ากการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงแล้วนั้น ยืนยันว่า การใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมีหลักการ และมีเหตุผล เช่น กรณีของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็พยายามหาช่องทางในการเติมเงินให้กับคนเหล่านี้ ซึ่งต้องพิจารณาว่าภาคธุรกิจใดที่จะต้องดูแลอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ล้มเลิก หรือเลิกการจ้างงาน และหรือเมื่อเปิดกิจการอีกครั้งจะกลับมาฟื้นฟูได้ก็ต้องจำเป็นในการช่วยเหลือ
ขณะที่ส่วนธุรกิจที่เดือดร้อนและใกล้จะล้มก็มีการเตรียมดูแลไว้แล้ว และกลุ่มที่ 3 กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่เข้มแข็งกำลังจะประกอบการใหม่ก็ต้องดูแล โดยมีงบประมาณประจำปีทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 64 และ 65 ที่จะส่งต่อสิ่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการในขณะนี้ให้เข้มแข็งต่อไปข้างหน้า ทั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถประเทศและกองทุนเอสเอ็มอี ซึ่ง พ.ร.ก.กู้เงินนั้นจะใช้ในช่วงนี้เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า การใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น รัฐบาลได้แก้ปัญหาหนี้สาธารณะจนลดลงเหลือกว่าร้อยละ 41 ของจีดีพีแล้วและในวันนี้ที่ตัวเลขต้องขึ้นมาที่ 50 กว่าเปอร์เซนต์ ก็เพื่อใช้ในการรักษา เยียวยา และฟื้นฟูให้ประเทศกลับมาเข้มแข็ง ซึ่งได้มีการแยกไว้อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการและบริหารตามกฎหมาย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทะ์ ยังระบุถึงการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่เดินทางผ่านแดนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่า เบื้องต้นได้ลดค่าปรับจาก 2,000 บาทเหลือ 800 บาท แต่ทั้งนี้ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย