เรือประมงบรรทุกหอยเต็มลำ ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามซื้อขาย 3 วัน

ภูมิภาค
4 มิ.ย. 63
19:17
1,261
Logo Thai PBS
เรือประมงบรรทุกหอยเต็มลำ ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามซื้อขาย 3 วัน
พบเรือประมงบรรทุกหอยเต็มลำ อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดห้ามซื้อขาย 3 วัน ศูนย์อำนวยการผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลประกาศจะเอาผิดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ขณะที่ประชาคมสุราษฎร์ธานีเตรียมเสนอปัญหาให้องค์การสหประชาชาติรับทราบ

วันนี้ (4 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปภาพเรือคราดหอย ซึ่งบรรทุกหอยมาเกือบเต็มลำเรือวิ่งจากอ่าวบ้านดอนเข้าสู่ลำคลองใน ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีการส่งต่ออย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากเป็นการคราดหอยในช่วงที่ จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศห้ามชาวประมงพื้นบ้านออกเก็บหอยแครงเป็นเวลา 3 วัน แต่กลับมีกลุ่มบุคคลฝ่าฝืนโดยไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ

ในขณะที่เครือข่ายภาคประชาคมสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของภาคประชาชนหลายองค์กร ได้จัดประชุมระดมแนวคิดจัดทำข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอ่าวบ้านดอนให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ชาวสุราษฎร์ธานีและประชาชนทั่วประเทศจะต้องออกมาร่วมกันปกป้องพื้นที่อ่าวบ้านดอนให้เป็นพื้นที่สาธารณะ

โดยที่ประชุมประชาคมสุราษฎร์ธานีได้ออกแถลงการณ์เพื่อแก้ปัญหา 5 ข้อ คือให้รื้อถอนคอกหอยนอกพื้นที่อนุญาต, จัดทำยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อจัดการอ่าวบ้านดอนอย่างมีส่วนร่วม, บังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่สาธารณะทางทะเลและชายฝั่ง, รวมถึงต้องมีจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลความปลอดภัยชาวประมงพื้นบ้านซึ่งทำประมงในที่สาธารณะ

 

ด้าน น.อ.วศากร สุนทรนันท รองผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.) ระบุว่าขณะนี้ปัญหาอ่าวบ้านดอนได้ถูกยกระดับเป็นปัญหาผลประโยชน์ทางทะเลระดับชาติ ซึ่ง ศรชล.ส่วนกลางได้เตรียมจัดส่งนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เร่งรวบรวมข้อมูลการบุกรุกอ่าวบ้านดอนเพื่อนำไปสู่การเอาผิดกับผู้มีอิทธิพลและกลุ่มบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย

 

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 ในฐานะผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 2 จะลงพื้นที่อ่าวบ้านดอนเพื่อเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยประชาคมสุราษฎร์ธานีเห็นว่าศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจะต้องแก้ปัญหาอ่าวบ้านดอนโดยยึดผลประโยชน์ของสาธารณะเป็นที่ตั้ง และเตรียมนำปัญหาอ่าวบ้านดอนเสนอให้ทางสหประชาชาติรับทราบในขั้นตอนต่อไป เนื่องจากอ่าวบ้านดอนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งมีความสำคัญระดับนานาชาติ

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง