"นายกรัฐมนตรี" โต้กลางสภา อย่าดูถูกสติปัญญา

การเมือง
3 ก.ค. 63
20:10
599
Logo Thai PBS
"นายกรัฐมนตรี" โต้กลางสภา อย่าดูถูกสติปัญญา
"นายกรัฐมนตรี" โต้กลางสภา ส.ส.พรรคก้าวไกลปมอภิปรายร่างงบฯปี 64 ของกระทรวงคมนมคม ลั่นอย่าดูถูกสติปัญญากันให้มาก ยืนยันไม่เอื้อโครงการให้ใคร มีคณะทำงานกลั่นกรองมาก่อน และการอนุมัติมาจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง

วันนี้ (3 ก.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในประเด็นการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า ส.ส.บางคนได้พูดจาเสียดสี ดูถูกสติปัญญา เหยียดยามบ้าง แต่ไม่ได้โกรธเคือง ส่วนการลงทุนด้านคมนาคมเป็นแผนงานและแนวคิด หากจะดำเนินการต้องทำอย่างละเอียด ส่วนใดที่เป็นส่วนเดิมเราก็ต้องทำไปด้วย ของใหม่ก็ต้องทำขึ้นมาบ้าง ไม่สามารถทำได้ทีเดียวทั้งหมด

คงไม่ได้ฉลาดน้อยเหมือนกับที่ท่านพูด ดังนั้นอย่าดูถูกสติปัญญากันให้มากแล้วกัน การลงทุนของภาครัฐ ถ้าลงทุนเองจะใช้งบจำนวนมาก จึงมีการลงทุนแบบ ppp คือร่วมกับเอกชน มีการประมูลเซ็นสัญญาโปร่งใสตามกฎหมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยอนุมัติโครงการให้ใครเป็นกรณีพิเศษ แต่นำเสนอแผนงานโดยผ่านการพิจารณาของคณะกลั่นกรองทุกระดับ ไม่เคยเรียกผลประโยชน์จากใคร ส่วนเรื่องของถนนมีปัญหา พยายามทำถนนใหม่ และซ่อมแซมถนนเก่า เพราะบางแห่งใช้งานมานานแล้ว แต่ก็ไม่ทันใจ ส.ส.ที่อภิปราย ยืนยันว่าไม่โมโหใครเลย ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ชี้แจงประเด็น ส.ส.อภิปราย เกี่ยวกับการสร้างสนามบิน ว่าได้รับจัดสรรงบฯ พัฒนา 1.4 หมื่นล้านบาท เช่น สนามบินเบตง ก่อสร้างเสร็จแล้ว และพร้อมเปิดใช้งบฯ 1,655 ล้านบาท สนามบินแม่สอด งบฯ 1,113 ล้านบาท สนามบินกระบี่งบฯ 5,136 ล้านบาท

ความเห็นต่างรับได้-แต่ต้องมีข้อยุติ 

ต่อมาเวลา 19.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นตอบคำถามพรรคฝ่ายค้านอีกครั้ง ระบุว่า ขี้เกียจตอบคำถาม เพราะตอบซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ และถูกโจมตีในเรื่องประเด็นเดิมๆ และงบที่ต้องใช้ทั้งงบประมาณ และเงินกู้ในก้อนต่างๆ นำไปใช้เยียวยา นำไปใช้แก้ปัญหาด้านสาธารณสุขจาก COVID-19 ส่วนงบฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท จะช่วยด้านธุรกิจเอสเอ็มอี

พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้หัดฟังเสียบ้าง และการจ้างงาน ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไร ความเห็นต่างรับได้ แต่การทำงานต้องหาข้อยุติตรงกลางที่ทำใหการทำงานเดินหน้าต่อไปได้ และต้องดูว่ารัฐทำอะไรไปที่มีผลรูปธรรม ซึ่งแผนงานสำคัญต้องผ่านการคัดกรอง และผ่านการทำงานเป็นคณะ และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ขณะนี้ต้องสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพราะตอนนี้ภาระยังมีอีกมาก ประชาชนยังมีความเดือดร้อน ที่ผ่านมามีทั้งวิกฤต ต้องแปลงให้เป็นโอกาส เมื่อมี COVID-19 คงไม่มีใครคิดมาก่อน และทั่วโลกก็เหนื่อยกันหมด

นอกจากนี้ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มาจากต่างประเทศไทยกับต่างประเทศ จะเพิ่มคู่ค้าไทยกับอาเซียนได้อย่างไร เราจะลงทุนเพิ่มการลงทุนไทย และจีน เม็กซิโก และให้ความเป็นธรรมกับตัวเองด้วยว่าทำไมถึงน้อยหรือมาก แต่ส่วนตัวยังภูมิใจกับไทยที่มีการดูแลทางด้านเศรษฐกิจดีกว่าประเทศอื่น ที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจหนักกว่าและมีศักยภาพดีกว่า 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง