"ไพบูลย์" เร่งตรวจสอบการใช้เงินช่วยผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19

การเมือง
13 ก.ค. 63
12:15
630
Logo Thai PBS
"ไพบูลย์" เร่งตรวจสอบการใช้เงินช่วยผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19
กมธ.วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินแก้ปัญหา COVID-19 ตาม พ.ร.ก.3 ฉบับ เร่งติดตามตรวจสอบการอนุมัติโครงการช่วยผู้ได้รับผลกระทบให้เกิดประสิทธิภาพโปร่งใส ประธานกมธ.มั่นใจนายกฯทำงานไม่ล่าช้า


วันนี้ (13 ก.ค.63)นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก.3ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ COVID-19 ระบุว่า ที่ประชุมวันนี้เป็นการติดตามข้อมูลที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำเสนอ ครม.ให้อนุมัติโครงการวงเงิน 4 แสนล้านบาทจากเงินกู้ โดยทางสภาพัฒน์ฯ ส่งข้อมูลมาให้อย่างละเอียดครบถ้วนแล้ว โดยเลขาธิการสภาพัฒน์ฯในฐานะกรรมาธิการก็ได้มาร่วมประชุมด้วย

ทั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของกรรมธิการฯที่จะพิจารณา และติดตามตรวจสอบและจะมีการประชุมติดตามเรื่องการใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินทุกวันจันทร์

ส่วนทุกวันอังคารจะเป็นการประชุมกรรมาธิการฯที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 ซึ่งขณะนี้มีประชาชนร้องเรียนผ่านกรรมาธิการฯแล้วกว่า 3000 คน และจะหาทางช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม

พร้อมย้ำว่า โดยส่วนตัวไม่กังวลการใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการเดินหน้าช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เพราะเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีเร่งรัดเต็มที่เพื่อให้เม็ดเงินเข้าถึงประชาชนให้เร็วที่สุด และโปร่งใสตรวจสอบได้ โดยกรรมาธิการฯก็จะทำหน้าติดตามสอบถามและตรวจสอบการใช้งบฯอย่างเต็มที่และเปิดเผย ซึ่งกรรมาธิการชุดนี้จะเป็นประโยชน์ในการติดตามการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพ และลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด

นอกจากนี้นายไพบูลย์ ยังระบุถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ยุบพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นคำร้องที่ไร้สาระ ไม่มีประเด็น เป็นการน่าอาย และสร้างภาระให้ กกต.

ดังนั้นนายเรืองไกร ในฐานะผู้ร้องต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ร้อง โดยจะดำเนินการตรวจสอบนายเรืองไกรเช่นเดียวกัน และจะยื่นคำร้องให้ กกต.ดำเนินการตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา101 กรณีเข้าข่ายการร้องข้อมูลที่เป็นเท็จ และจะแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 ซึ่งจะเป็นโทษทางอาญา ทั้งนี้เพื่อให้เป็นแบบอย่าง เมื่อฟ้องมา 1 ก็จะฟ้องไป 2 โดยจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง