เจ๋ง! วิจัยไทยพัฒนา "วิธีสกัด RNA - ชุดตรวจ COVID-19" สำเร็จ

Logo Thai PBS
เจ๋ง! วิจัยไทยพัฒนา "วิธีสกัด RNA - ชุดตรวจ COVID-19" สำเร็จ
สวทช. จับมือ มหิดล พัฒนาวิธีสกัดอาร์เอ็นเอของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากตัวอย่างแบบง่าย และชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว ลดการนำเข้าหากมีการระบาดของ COVID-19 ระยะ 2

วันนี้ (16 ก.ค.2563) ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทีมนักวิจัย สวทช.ได้คิดค้นและวิจัยนวัตกรรมที่จะรับมือกับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น สำหรับผลงานวิจัยการพัฒนาวิธีสกัดอาร์เอ็นเอ (RNA) ของเชื้อไวรัสจากตัวอย่างแบบง่าย และชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว (COVID-19 XO-AMP colorimetric detection kit) โดย ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ หรือ National Omics Center (NOC) สวทช. และ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เป็นการทำงานร่วมกับทางคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดย สวทช. ได้นำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มาประยุกต์ใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรค COVID-19


การพัฒนาวิธีสกัดอาร์เอ็นเอนี้ ได้นำไปทดสอบกับตัวอย่างโดยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าให้ผลไม่แตกต่างจากชุดสกัดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ถือเป็นจุดแข็ง สนับสนุนความมั่นคงด้านสุขภาพ ช่วยให้ประเทศมีความพร้อมในการรับมือต่อการระบาดของโรค และลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าชุดสกัดจากต่างประเทศ

ส่วนชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว (COVID-19 XO-AMP colorimetric detection kit) เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการตรวจเชิงรุก ชุดตรวจนี้ มีความจำเพาะ (Specificity) 100% ความไว (sensitivity) 92% และมีความแม่นยำ (accuracy) ที่ 97% สามารถแสดงผลได้ภายใน 75 นาที ได้ผลเร็วกว่า RT-PCR ถึง 2 เท่า สามารถอ่านผลได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ หากสีเปลี่ยนจากม่วงเป็นเหลือง แสดงว่ามีการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจมีราคาเพียง 10,000 บาท ถูกกว่า RT-PCR ถึง 100 เท่า ต้นทุนน้ำยาที่ใช้สำหรับแลมป์ต่ำกว่าน้ำยาที่ใช้กับ RT-PCR ถึง 3 เท่า เมื่อคำนวณต้นทุนราคาแล้ว ชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว ที่ไบโอเทคพัฒนาขึ้นนี้มีราคาถูกกว่าชุดตรวจแลมป์นำเข้า 1.5 เท่า อีกด้วย 

ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ช่วยให้ประเทศลดการนำเข้าชุดสกัดอาร์เอ็นเอ และชุดตรวจเชื้อจากต่างประเทศ หากมีการระบาดเพิ่มเติม หรือต้องการตรวจเชิงรุก ผลงานนี้พร้อมนำมาใช้ได้ทันที


ด้าน ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล โดยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ได้ดำเนินการวิจัยร่วมกับ ศูนย์ไบโอเทค สวทช. ทำให้ได้ชุดตรวจโรคที่ให้ผลดี ราคาถูกลง เป็นการสร้างความสามารถด้านการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 

หวังต่อยอดส่งออก "ชุดสกัดอาร์เอ็นเอและชุดตรวจ"

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของโรค COVID-19 จนถึงวันที่ 29 พ.ค.2563 รัฐบาลต้องจ่ายค่าชดเชยในการตรวจโรค COVID-19 โดยวิธี RT-PCR เป็นจำนวนกว่า 420,000 ตัวอย่าง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,261 ล้านบาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

ในอนาคตหากมีการระบาดเพิ่มเติม หรือมีความต้องการตรวจเชิงรุก ผลิตภัณฑ์นี้มีความพร้อมในการใช้งาน ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันของหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. นำโดย ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง ที่พัฒนาวิธีสกัดอาร์เอ็นเอของเชื้อไวรัสจากตัวอย่างแบบง่าย ซึ่งให้ผลเทียบเท่ากับชุดสกัดนำเข้าจากต่างประเทศ ที่สำคัญวิธีสกัดอาร์เอ็นเอนี้สามารถนำไปใช้ได้กับไวรัสที่มีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอได้ทุกชนิดไม่จำกัดเพียงไวรัสก่อโรค COVID-19 ทั้งไวรัสก่อโรคในพืช สัตว์ และมนุษย์ ทำให้ในปัจจุบันมีบริษัทเอกชนสนใจ พร้อมรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท ไบโอเอนทิสท์ จำกัด และ บริษัท อาฟเตอร์ แล็บ จำกัด


สำหรับชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว ซึ่งพัฒนาโดยทีมวิจัยเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด นำโดยวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย ร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล สามารถนำมาใช้ในการคัดกรอง คัดแยกเฉพาะตัวอย่างที่น่าสงสัยไปตรวจโดยใช้ RT-PCR ถือเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐจากเดิมที่ต้องส่งตรวจทุกตัวอย่างด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งมีราคาแพง


การพัฒนาชุดตรวจนี้ได้รับความอนุเคราะห์ตัวอย่างสารพันธุกรรมจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของชุดตรวจ ในปัจจุบันไบโอเทคได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเมินเทคโนโลยี และ อย. กำลังพิจารณาเกณฑ์มาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับเทคนิคแลมป์ โดยชุดตรวจโรค COVID-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียวนี้ มีบริษัทเอกชนได้แสดงความสนใจที่จะขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว

การที่ประเทศไทยสามารถพัฒนาและผลิตชุดสกัดอาร์เอ็นเอและชุดตรวจโรคได้เองนี้ จะช่วยประหยัดงบประมาณในการนำเข้าได้เป็นจำนวนมาก ช่วยคัดกรองผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ราคาไม่แพง เปลี่ยนจากผู้นำเข้าเพียงอย่างเดียว ให้เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ได้เอง และในอนาคตอาจจะส่งออกไปต่างประเทศได้อีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง