นายกฯ ตั้ง "วิชา" นำทีมสอบบอส อยู่วิทยา ขีดเส้นรายงานใน 30 วัน

อาชญากรรม
29 ก.ค. 63
10:39
743
Logo Thai PBS
นายกฯ ตั้ง "วิชา" นำทีมสอบบอส อยู่วิทยา ขีดเส้นรายงานใน 30 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" โดยให้ ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ พร้อมให้รายงานข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางแก้ไขภายใน 30 วัน

วันนี้ (29 ก.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่  225/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ตามที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาหลายข้อหาและผู้ต้องหาหลบหนีการดำเนินคดี

ต่อมาคดีบางข้อหาได้ขาดอายุความ ในส่วนข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องและฝ่ายตำรวจไม่มีความเห็นแย้ง คำสั่งไม่ฟ้องจึงมีผลเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ไม่ตัดสิทธิของผู้เสียหายซึ่งรวมถึงบุพการี บุตรและคู่สมรสที่จะฟ้องคดีเอง และขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมทั้งความเห็นในการสั่งคดี หรืออาจขอดำเนินคดีใหม่เมื่อได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี หรือขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากรัฐ

โดยที่คดีนี้อยู่ในความรับรู้และสนใจของประชาชนต่อเนื่องมาโดยตลอดนับแต่เกิดเหตุ เมื่อ พ.ศ.2555 เมื่อปรากฏผลการสั่งคดีอันเป็นขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นก่อนมีคำพิพากษาของศาลเช่นนี้ จึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อและสังคมทั่วไปอย่างกว้างขวาง ถือเป็นความอ่อนไหวกระทบกระเทือนความเชื่อมั่นในองค์กร เจ้าหน้าที่ และกระบวนการยุติธรรม แม้ในส่วนของการใช้ดุลยพินิจและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการย่อมมีอิสระในการสั่งคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยไม่อยู่ในการบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร และแม้พนักงานสอบสวนจะอยู่ในการตรวจสอบตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ตาม

แต่กรณีนี้มีเหตุพิเศษที่สังคมควรมีโอกาสทราบในส่วนของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตลอดจนพฤติการณ์และบุคคลเกี่ยวข้องเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากมีส่วนใดที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้การบังคับใช้กฎหมายและการพัฒนากระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ จะได้มาเป็นกรณีศึกษาเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปโดยเร่งด่วนต่อไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบด้วย

(1) ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการ
(2) ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ
(3) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
(4) ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย กรรมการ
(5) ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กรรมการ
(6) นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย กรรมการ
(7) คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการ
(8) คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาสัยธรรมศาสตร์ กรรมการ
(9) คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรรมการ
(10) ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. กรรมการและเลขานุการ

กรรมการตาม (4) และ (5) อาจมอบหมายกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านนั้นๆ ซึ่งไม่มีส่วนได้เสียในคดีเข้าร่วมประชุมแทนได้
ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการได้มีจำนวนไม่เกิน 5 คน

ข้อ 2 คดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนตามคำสั่งนี้ หมายถึงคดีตามข้อเท็จจริงที่กล่าวถึงข้างต้น

ข้อ 3 คณะกรรมการตามข้อ 1 มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคดีตามข้อ 2 และเสนอแนะแนวทางเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ในด้านการพัฒนาองค์ความรู้ การปฏิบัติหน้าที่ และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนเสนอข้อแนะนำอื่นใดโดยไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ในคดีดังกล่าว แล้วรายงาน
นายกรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ แต่หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าข้อเสนอแนะในการปฏิรูปยังไม่แล้วเสร็จอาจให้ขยายระยะเวลาอีกได้

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการรายงานเบื้องต้นต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการมีอำนาจเชิญหรือประสานขอความร่วมมือหรือขอเอกสารต่างๆ จากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบ สอบถามหรือขอความเห็น และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความร่วมมือแก่คณะกรรมการ คณะกรรมการอาจรับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ และพิจารณาเรื่องร้องเรียนในคดีนี้จากประชาชนได้เป็นระยะทุก 10 วัน

ข้อ 4 ให้คณะกรรมการตามข้อ 1 และผู้ช่วยเลขานุการได้รับเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงานเพียงเท่ที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างไตตามที่คณะกรรการมอบหมายก็ได้ โดยให้คณะทำงานได้รับคำตอบแหนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด

เบี้ยประชุมตามวรรคหนึ่งและคำตอบแทนตามวรรคสอง ให้เบิกจ่ายจากสำนักงาน ป.ย.ป. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2563 เป็นตันไป

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ประวิตร" ปัดครอบครัวไม่รู้จักตระกูล "อยู่วิทยา"

ต้องอ่าน! “ทฤษฎีสมคบคิด” ทำเป็นขบวนการ...คดีบอส อยู่วิทยา

ต้องอ่าน! เปิดตัวใครเป็นใคร ในจุดเปลี่ยน คดี “บอส อยู่วิทยา”

ข้อขัดแย้งหลักฐานคดี "บอส อยู่วิทยา" ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

นายกฯ สั่งสอบคดี "บอส อยู่วิทยา" เผยไม่เคยช่วยเหลือใคร

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง