ศาลฎีกา ตัดสินจำคุก 1 เดือนปรับ 4 พัน "นาที" ยื่นทรัพย์สินเท็จ

การเมือง
27 ส.ค. 63
16:42
4,427
Logo Thai PBS
ศาลฎีกา ตัดสินจำคุก 1 เดือนปรับ 4 พัน "นาที" ยื่นทรัพย์สินเท็จ
ศาลฎีกา ตัดสินจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย คดียื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ รอลงอาญา 1 ปี และไม่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากกรณีเข้ารับตำแหน่งขาดอายุความทางอาญาแล้ว จึงไม่อาจนำมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองมาใช้บังคับ

วันนี้ (27 ส.ค.2563) เวลา 11.00 น.ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา (ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์) คดีหมาย เลขดำที่ อม.อธ. 5/2562 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ร้อง นางนาที รัชกิจประการ ผู้ถูกกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันพันจากตำแหน่ง และโทษ จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปีตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง และมาตรา 119 นั้น

อ่านข่าวเพิ่ม ศาลสั่งจำคุก "นาที" 1 เดือน รอลงอาญา คดียื่นทรัพย์สินเท็จ

ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีคำขอท้ายคำร้องขอให้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 และมาตรา 167 แม้ขณะยื่นคำร้องมีการยกเลิก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิด

แต่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ยังกำหนดให้การจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบยังคงเป็นความผิดอยู่เช่นเดิม

จึงเป็นกรณีกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ไม่แตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด จึงมาบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง อันเป็นการปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง

สำหรับมาตรการบังคับทางการเมืองตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เป็นมาตรการบังคับทางการเมืองที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหา ยิ่งกว่ามาตรการบังคับทางการเมืองตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด

ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดมาตรการบังคับทางเมือง ผู้ถูกกล่าวหาตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง

 

เมื่อผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2557 โดยเป็นการยื่นตามพ.ร.บ.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2561 อันเป็นเวลาหลังจากพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ได้

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ทรัพย์สิน และหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ ที่ดิน 2 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง มูลค่ารวม2,000,000 บาท และหนี้สินของคู่สมรส 4 รายการ รวม 93,039,949 บาท

ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนวนมาก ที่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงต่อผู้ร้องว่า ไม่ทราบถึงการทำธุรกรมของคู่สมรสและเป็นความผิดพลาดของเลขานุการนั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ตระหนักถึงหน้าที่ที่ตน ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

ทำให้กลไกการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบ ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่เกิดประสิทธิผลต่อการตรวจสอบ ข้อแก้ตัวตามการอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหา เป็นข้อที่ง่ายต่อการกล่าวอ้างเพื่อให้ตนเองพ้นผิดจึงฟังไม่ขึ้น

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงโทษจำคุกและปรับผู้ถูกกล่าวหา โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี เหมาะสมแก่พฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น 

อนึ่ง กรณีเข้ารับตำแหน่งขาดอายุความทางอาญาแล้ว จึงไม่อาจนำมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองมาใช้บังคับแก่กรณีนี้ได้ จึงแก้ไขให้ถูกต้องพิพากษาแก้เป็นว่า นางนาที ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบเฉพาะกรณีพ้นจากตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32, 33 และมาตรา 34 วรรค 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ชวน" ชี้สถานะ ส.ส. "นาที" สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง