วันนี้ (31 ส.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลอินเดียเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 แม้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งสูง ซึ่งเหตุผลหลักๆ คือเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้มาตรการปิดเมืองและมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดส่งผลกระทบอย่างหนัก และยังทำให้อินเดียเผชิญกับอัตราว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนอายุน้อย เป็นกลุ่มที่ตกงานมากที่สุดในช่วงที่มีการแพร่ระบาด สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลอินเดียจำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
ข้อมูลจากเว็บไซต์ เวิลโดมีเตอร์ส ระบุว่า วันที่ 30 ส.ค.2563 อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 79,457 คน ถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันที่สูงที่สุดในโลก
นักวิเคราะห์มองว่า เหตุผลที่อินเดียยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลมาจากเชื้อ COVID-19 ระบาดลามจากเมืองใหญ่ไปถึงชนบทและชุมชนเล็กๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอินเดียลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนส่วนใหญ่ประมาทและไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID-19 เพราะคิดว่าช่วงวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว
แม้ว่าสถานการณ์ในอินเดียจะยังน่าเป็นห่วง แต่ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) เป็นต้นไป ทางการได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น อนุญาตให้รวมตัวกันได้สูงสุดไม่เกิน 100 คน เพื่อทำกิจกรรมด้านกีฬา บันเทิง วัฒนธรรมและการเมือง แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ส่วนรถไฟใต้ดินในเมืองใหญ่จะกลับมาให้บริการอีกครั้ง
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของอินเดียจำนวนมากจะไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ เนื่องจากทางการยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ เช่น การตรวจหาเชื้อ COVID-19 ยังมีน้อยเกินไป และการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อก็อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากทางการจะนับเฉพาะผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เสียชีวิตเท่านั้น ส่วนผู้เสียชีวิตที่เข้าข่ายสงสัยว่าติดเชื้อจะไม่ถูกนับรวมเข้าไปด้วย
มาตรการปิดประเทศทำตัวเลขคนว่างงานพุ่ง
สถานการณ์การแพร่ระบาดในอินเดียยังไม่น่าไว้วางใจ แต่เหตุผลหลักที่ทำให้รัฐบาลอินเดียต้องผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด คือสถิติการว่างงานที่ถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 45 ปี ซึ่งอินเดียเริ่มใช้มาตรการปิดประเทศ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา และขยายเวลาไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเจนว่ามาตรการปิดประเทศทำให้ตัวเลขคนว่างงานในเดือน เม.ย.- พ.ค.ที่ผ่านมา สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งในเดือน เม.ย.อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 23.52 ส่วนเดือน พ.ค.อยู่ที่ร้อยละ 23.48
ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศและธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย พบว่า กลุ่มคนอายุน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยชาวอินเดียที่อายุต่ำกว่า 30 ปี มากกว่า 4 ล้านคน ตกงานในช่วงการแพร่ระบาด และแรงงานอายุระหว่าง 15-24 ปี ตกงานมากที่สุด
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เพราะในช่วงเวลาที่สถานการณ์ปกติสัดส่วนการจ้างงานโดยทั่วไป แรงงานอายุน้อยจะมีจำนวนมากกว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่บริษัทจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน ส่วนใหญ่นายจ้างมักจะเลือกเก็บพนักงานที่มีประสบการณ์สูงไว้ทำงานต่อและปลดพนักงานที่อายุน้อยและขาดประสบการณ์ เพราะสามารถจ้างคนใหม่มาทดแทนได้ และแม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น บริษัทส่วนใหญ่ในอินเดียก็จะเลือกจ้างพนักงานที่พอมีประสบการณ์ เพราะต้องการให้เข้ามาทำงานได้เลย นอกจากนี้ทางบริษัทอาจจะไม่สามารถลงทุนฝึกพนักงานใหม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า อินเดียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างมาก แม้แต่การจ้างงานในภาครัฐประจำเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ลดลงถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2562 แต่คาดว่าในช่วงปลายปี 2563 สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยภาคแรงงานที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าคือ แรงงานนอกระบบและภาคการเกษตร ส่วนคนที่เพิ่งเรียนจบอาจหางานประจำทำได้ยาก