ข้อมูลจาก จ.ภูเก็ต ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยจากจังหวัดต่าง ๆ ทยอยเดินเข้ามาแต่ละวันมีกว่า 60 เที่ยวบินหรือกว่า 7,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามหนึ่งในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูเก็ตยังคงมีการดึงชาวต่างชาติเข้าพื้นที่แม้ผู้ประกอบการเห็นด้วยแต่ยังต้องการมีมาตรการที่รัดกุม
ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทีมแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันชี้แจงถึงมาตรการ 5T สำหรับคัดกรองชาวต่างชาติตามภูเก็ตโมเดลที่เสนอต่อ ศบค. ตั้งแต่ Target กำหนดเป้าหมายต้องเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยมาจากประเทศที่มีอัตราการแพร่ระบาดต่ำ
Testing หรือการตรวจสารคัดหลั่งต้องไม่มีเชื้อ COVID-19 ตั้งแต่ต้นทางและเมื่อถึงสนามบินภูเก็ตก็ต้องรับการตรวจอีกครั้งซึ่งจะใช้เวลาตรวจและทราบผลภายใน 3 ชั่วโมง
ก่อนเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ระหว่างนั้นกักตัวประมาณวันที่ 3-5 จะต้องได้รับการตรวจอีกครั้งหลังและตรวจก่อนออกจากสถานที่กักตัวรวมไม่น้อยกว่า 4 ครั้งจึงจะออกจากพื้นที่ได้
หลัง 14 วัน จะมีระบบติดตามตัวหรือ Trecing (เทรสซิง) หากเกิดกรณีหลุดรอดไปจะสามารถติดตามและขีดวงได้อย่างทันท่วงทีซึ่งต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
ขณะที่การรักษา หรือ Treament มีการเตรียมบุคลากรเครื่องมือและสถานที่รองรับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอมีโรงพยาบาลสนามที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ตรองรับผู้ป่วยได้ 150 เตียง ซึ่งขณะนี้ปิดชั่วคราวแต่พร้อมเปิดทันทีหากเกิดการระบาดอีกระลอก
นอกจากนี้ยังมีการสร้างความเชื่อมั่นหรือ Trust หากมีผู้ติดเชื้อจะได้รับการดูแลนอกจากการรักษาจะมีกองทุนช่วยเหลือ สำหรับชาวต่างชาติกลุ่มแรกที่จะเข้าพื้นที่ ศบค.จะเป็นผู้พิจารณารวมถึงกำหนดเวลาอีกครั้ง
จังหวัดจึงมั่นใจว่าภูเก็ตโมเดลที่ขับเคลื่นด้วยมาตรการ 5T จะสามารถรับมือและควบคุมการเข้ามาของชาวต่างชาติได้และหากพบการระบาดหรือสถานการณ์เสี่ยงจังหวัดก็พร้อมปิดประตูไม่ให้เข้าพื้นที่ทันที เพื่อความปลอดภัยของคนในประเทศ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจประเมินโรงแรมที่พักที่สมัครเข้าเป็นสถานที่กักตัว 14 วัน สำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาใน จ.ภูเก็ต พบมีกว่า 60 แห่ง แต่มีเพียง 6 แห่งที่ผ่านการประเมิน ส่วนที่เหลือยังต้องปรับแก้ไขให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ ปลัดจังหวัดภูเก็ต ในฐานะคณะทำงานตรวจประเมินโรงแรมและที่พัก ที่สมัครใจให้ใช้เป็นสถานที่กักตัวใน จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการที่พักให้ความสนใจและสมัครเข้ามากว่า 60 แห่ง รองรับได้กว่า 7,000 ห้อง แต่ที่ตรวจและผ่านการประเมิน พร้อมใช้เป็นสถานที่กักตัวได้ 6 แห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างปรับแก้ไขให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยการประเมินจะมีคณะกรรมการเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด
พร้อมกันนี้ ยังเปิดเผยถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างกักตัวว่ามีมาตรการควบคุมพื้นที่อย่างเข้มข้น ทั้งการใช้อุปกรณ์สัญญาณเตือนหากมีการออกนอกพื้นที่ ส่งสัญญาณไปหาเจ้าหน้าที่ควบคุม และต้องมีกล้องวงจรปิดสำหรับสังเกตการณ์ผู้เข้ากักตัว รวมถึงทุกโรงแรม หรือ วิลล่า จะต้องมีคู่สัญญากับโรงพยาบาล สำหรับตรวจหาเชื้อ ส่งรักษาหากพบผู้ป่วย และทำหน้าที่อบรมพนักงานในโรงแรมเกี่ยวกับการป้องกัน และดูแลผู้เข้ากักตัวอย่างเคร่งครัด