ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง หลบหนีจากห้องสอบสวน

อาชญากรรม
3 ก.ย. 63
13:14
338
Logo Thai PBS
ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง หลบหนีจากห้องสอบสวน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. ยอมรับผู้ต้องหาชิงทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อ 2 แห่ง ได้หลบหนีระหว่างพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี เบิกตัวมาสอบปากคำ เจ้าหน้าที่เร่งระดมกำลังติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

วันนี้ (3 ก.ย.2563) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีผู้ต้องหาหลบหนีไประหว่างการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 เวลาประมาณ 21.00 น. นายเอ๋ ชิเนหันหา อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีชิงทรัพย์ ได้หลบหนีไประหว่างที่พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ เบิกตัวมาสอบสวนปากคำในห้องทำงานพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ก่อนเกิดเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 ส.ค.63 ผู้ต้องหาได้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อในท้องที่ สภ.เมืองสระบุรี และในท้องที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ต่อเนื่องกัน โดยนำเงินสดไปประมาณ 4,000 บาท ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ทำหนังสือมาเบิกตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนปากคำที่ห้องทำงาน โดยมือทั้งสองข้างของผู้ต้องหาถูกใส่กุญเเจมือไว้ด้านหน้า กระทั่งผู้ต้องหาอาศัยจังหวะวิ่งหลบหนีออกจาก สภ.เมืองสระบุรี แล้วไปลักเอารถจักรยานยนต์ ของประชาชนที่จอดทิ้งกุญเเจรถไว้ ขับขี่ออกจากบริเวณหมู่บ้านศศิธร 10 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี หลบหนีไป

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ภาพ : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ทั้งนี้ รองโฆษก ตร. ระบุว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับมาโดยตลอด ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ รัดกุม ไม่ประมาท โดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมตัวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน หรือในหว่างควบคุมตัวไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอฝากขังผู้ต้องหา รวมไปถึงการตรวจค้นตัวผู้ต้องหา การใส่เครื่องพันธนาการต่างๆ ให้ตรวจสอบให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวตำรวจภูธรสระบุรี จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง