"หมอธีระ" ยก 3 หัวใจหลักป้องกัน COVID-19 ระบาดซ้ำ

สังคม
10 ก.ย. 63
10:26
361
Logo Thai PBS
"หมอธีระ" ยก 3 หัวใจหลักป้องกัน COVID-19 ระบาดซ้ำ
กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับคุมเข้มสกัด COVID-19 จากเมียนมา ระดมกำลังตรวจเชิงรุกชายแดน ด้าน "นพ.ธีระ" ยก 3 ปัจจัยหลักป้องกันการระบาดซ้ำในประเทศ ขณะที่โพล เผยคนไทยยังกังวลติดเชื้อ แต่มั่นใจรับมือระบาดรอบ 2 ได้

วันนี้ (10 ก.ย.2563) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเน้นย้ำความสำคัญการป้องกันการระบาดรอบ 2 ในไทย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ชิดกับเราอย่างเมียนมา สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น พร้อมระบุว่าหัวใจหลักที่จะป้องกันการระบาดซ้ำได้มีอยู่ 3 ปัจจัยคือ หนึ่ง นายจ้างทุกระดับต้องนำแรงงานต่างด้าวไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และตรวจคัดกรองโรคให้เรียบร้อย 2. รัฐควรจัดระบบบริการตรวจคัดกรองโควิดในทุกพื้นที่อย่างครอบคลุมทั่วถึง และ 3. ประชาชนทุกคนควรตระหนักถึงความเสี่ยงในการ เกิดระบาดช้ำ รักตัวเองรักครอบครัว ต้องป้องกันตัวเสมอเวลาออกไปใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน

สธ.รับมือโควิดประชิดชายแดน

นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข ยืนยันถึงการบูรณาการระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อป้องกันแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพิ่มความเสี่ยงการระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะแรงงานจากฝั่งเมียนมาที่พบการระบาดกระจายตัวเพิ่มขึ้น โดยกำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ด่านควบคุมโรค ยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโรคในแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย

มีรายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตากมีคำสั่งให้ปิดด่านถาวรทั้ง 2 ด่าน และด่านธรรมชาติ, ให้หน่วยงานในแต่ละพื้นที่ตรวจลาดตะเวนในช่องทางธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง, ให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ร่วมกับ อสม. และอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบผ่านช่องทางชายแดน รวมทั้งมีการให้ความรู้ อสต. เรื่องการตรวจคัดกรอง การป้องกันตนเอง รวมทั้งการเฝ้าระวัง ร่วมกับการค้นหาผู้ติดเชื้อ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เชิงรุกแก่ประชาชนในพื้นที่ และจัดสถานที่กักกัน Local quarantine สำหรับกักตัว

 

ด้านสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานลงพื้นที่ชายแดนตรวจหาเชื้อเชิงรุก 5 คัน เพื่อตรวจคัดกรองในเขตพื้นที่ชายแดน จ.ตาก ลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อในเขตตะเข็บชายแดนเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ในระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย.2563 ไปแล้ว 2,635 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยจะรู้ผลการตรวจเชื้อใน 48 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนในเขตชายแดนทั้งฝั่งไทยและเมียนมามีการตื่นตัวในการป้องกันโรคเพิ่มขึ้น มีการสวมหน้ากากอนามัย/ผ้า มากกว่าร้อยละ 95 ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมากที่จะช่วยจำกัดตัดตอนการแพร่เชื้อ

โพลเผย คนไทยยังกังวลติดโควิด

ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ประชาชนยังกลัว COVID-19 อยู่หรือไม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-7 ก.ย.2563 จากประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,315 หน่วยตัวอย่าง

โดยพบว่าประชาชนยังมีความกังวลต่อการติดเชื้อโรคระบาด COVID-19 มากร้อยละ 23.04 ระบุว่า กังวลมาก / ค่อนข้างกังวล ร้อยละ 36.81 ส่วน ร้อยละ 16.81 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล

 

ส่วนเหตุผลสำคัญที่ประชาชนเลือกสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.98 ระบุว่า กลัวตาย รองลงมา ร้อยละ 9.28 ระบุว่า กลัวสังคมรังเกียจ ร้อยละ 7.45 ระบุว่า เป็นคำสั่งรัฐบาล และเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการรับมือของประเทศไทย หากเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในรอบที่ 2 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.24 ระบุว่า สามารถรับมือได้ รองลงมา ร้อยละ 10.95 ระบุว่า ไม่สามารถรับมือได้ และร้อยละ 9.81 ระบุว่า ไม่แน่ใจ

ความคิดเห็นต่อความเพียงพอของระบบการแพทย์และสาธารณสุข หากเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในรอบที่ 2 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.14 ระบุว่า มีเพียงพอ รองลงมา ร้อยละ 22.13 ระบุว่า ไม่เพียงพอ และร้อยละ 9.73 ระบุว่า ไม่แน่ใจ

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง