นายกฯ ออกแถลงการณ์ห่วงชุมนุม เสี่ยง COVID-19 ระบาดรอบใหม่

การเมือง
17 ก.ย. 63
18:08
2,849
Logo Thai PBS
นายกฯ ออกแถลงการณ์ห่วงชุมนุม เสี่ยง COVID-19 ระบาดรอบใหม่
นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ห่วงชุมนุมเสี่ยง COVID-19 ระบาดรอบใหม่ กระทบเศรษฐกิจฟื้นตัวยาก ย้ำเคารพความคิดเห็นและความไม่พอใจเรื่องการเมือง-รัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดก่อน

วันนี้ (17 ก.ย.2563) เวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ในโลก ว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกไม่ค่อยดีนัก และอาจส่งผลต่อประเทศไทยในช่วงเวลาข้างหน้านี้ พร้อมยกตัวอย่างการระบาดครั้งใหญ่ระลอกใหม่ในยุโรป เช่น

ยุโรปเผชิญระบาดครั้งใหญ่ รอบ 2

สเปนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 30,000 คน และปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 12,000 คน ซึ่งจำนวนมากกว่าเมื่อครั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา, ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เกือบวันละ 10,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวันที่มากกว่าในช่วงที่สถานการณ์แย่ที่สุด ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 30,000 คน, อังกฤษมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในหนึ่งสัปดาห์ และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 42,000 คน นอกจากนี้ อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในวันเดียว 90,000 คน และสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าวันละ 30,000 คน เสียชีวิตแล้วเกือบ 200,000 คน

ขณะนี้โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ครั้งใหญ่ ระลอก 2 อย่างชัดเจน เมื่อช่วงเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาด ไทยเริ่มรับมือและพยายามระงับการแพร่ระบาดในประเทศอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ส่งผลให้ขณะนี้ไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึงวันละ 10 คน

เมื่อเราเทียบกับประเทศอื่น หลายประเทศที่ลังเลการปิดประเทศ และไม่ได้ดำเนินมาตรการตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ทำให้วันนี้ประเทศเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากกว่าประเทศไทยเป็นพัน ๆ เท่า

ชื่นชมทีมแพทย์-อสม.แนวหน้าสู้ COVID-19

สถานการณ์ปัจจุบันในไทยถือเป็นความสำเร็จของแพทย์ทุกท่าน อาสาสมัครสาธารณสุข พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งเป็นผู้กล้าหาญที่อยู่แนวหน้า ช่วยยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาด รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพใน ศบค. สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ คนไทยทั้งประเทศที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ยับยั้งการแพร่ระบาดในประเทศไทย ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือและเว้นระยะห่างทางสังคม

ขณะนี้ COVID-19 กลับมาแพร่ระบาดครั้งใหญ่ จึงขอให้พี่น้องประชาชนลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีอย่างที่เคยทำกันมา เพราะสงครามกับ COVID-19 จะยังอยู่ไปอีกนาน

นายกฯ ชี้ชุมนุมเพิ่มความเสี่ยงระบาดรอบใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกลุ่มคนที่นัดรวมตัวชุมนุมประท้วง ว่า การรวมตัวเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาลที่จะทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ในไทย ขณะเดียวกันกำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบ ๆ ล้านคน พร้อมยกตัวอย่างประเทศอื่น ๆ ที่รวมตัวกันและไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด จนสร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่น ๆ ในประเทศ ขณะนี้รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป กำลังเริ่มพูดถึงการกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง เช่น รัฐใหญ่แห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ที่มีมาตรการบังคับและข้อจำกันมากมายในการเปิดร้านค้า ออฟฟิศ หรือการออกนอกที่พักอาศัย

เมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาลที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทย ส่งผลกระทบที่เลวร้ายและทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน

ส่วนในไทย แม้การไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศจะสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก แต่อย่างน้อยร้านอาหาร ร้านค้า โรงเรียน ไซต์งานก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงานยังเปิดได้ และการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยด้วยกันเองก็ยังคงทำได้อยู่ จึงไม่ควรทำอะไรก็ตามที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา เพราะสร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นกับประชาชน

ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุม ชัดๆ ว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ผมเคารพความคิดเห็น และความรู้สึกของท่าน แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ COVID-19 ได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้

ห่วงเศรษฐกิจฟื้นยาก-เสี่ยงป่วยเพิ่ม

การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับ COVID-19 และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน

ผมอยากขอให้เราเอาชนะ COVID-19 และผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง

สถานการณ์ปัจจุบันหลายประเทศใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วงด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมให้เกิดการกระทำที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาด เช่น ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวทั้งสิ้น ซึ่งในประเทศเยอรมนีเมื่อมีการประท้วงของคนจำนวนกว่า 38,000 คน มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะเชื่อว่าผู้ที่จะออกมาประท้วงจะมีความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวังและอยู่ในขอบเขต แต่ก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มาก ๆ คนไทยอีกเป็นสิบ ๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบจากการที่กำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และเพิ่มความเสี่ยงให้ต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง

ภารกิจของผมชัดเจน คือ ผมต้องปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิตเป็นหมื่นๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่น เรายังต้องระมัดระวังในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา ซึ่งจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับเราทุกคน ผมก็รู้ถึงความเจ็บปวดของทุกคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับเมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงาน และจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกใดที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่ การเปิดประตูประเทศอาจทำให้มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในระดับหนึ่ง แต่จะมี COVID-19 เข้าประเทศมาด้วยแน่นอน แม้จะมีมาตรการคัดกรองเข้มงวด สิ่งกังวลคือหากเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ อาจจะไม่สามารถรับมือได้ และสร้างความเดือดร้อนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องให้รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ ส่งผลกับทุกภาคส่วนในสังคม จึงขอให้ทุกคนยกการ์ดของตัวเองให้สูงอีกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และโชว์สปิริตของความเป็นไทยต่อไป ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะ COVID-19

เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น จึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกันผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง