วันนี้ (18 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณทำเนียบรัฐบาลกำลังถูกยกระดับ เพื่อให้เป็นเขตพื้นที่ปลอดภัย มีการจัดวางกำลังตำรวจสันติบาล ดูแลภายในพื้นที่ ขณะที่บริเวณด้านนอกจะมีตำรวจนครบาล จัดวางกำลังตามมาตรการคุมเข้ม นอกจากนี้ ยังมีการตั้งด่านสกัดกั้นผู้ชุมนุมอีก 2 จุด ได้แก่ จุดแรกที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งถือเป็นด่านแรกที่จะมุ่งหน้าสู่ทำเนียบฯ ส่วนด่านที่ 2 คือสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่มีระยะห่างจากทำเนียบฯ 50 เมตร
ขณะที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สั่งห้ามรถยนต์ทุกชนิดเข้า-ออกในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ช่วงกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเคลื่อนตัวมายังทำเนียบฯ
กำหนดช่องทางผ่านเข้า-ออกทำเนียบฯ
พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 เปิดเผยว่า บุคคลที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล สามารถผ่านเข้า-ออกได้ตามช่องทางที่กำหนดเท่านั้น
ขั้นตอนแผนกรกฎ 52 จากเบาไปหาหนัก
สำหรับแผนกรกฎ 52 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมไว้เพื่อดูแลความปลอดภัย 4 ขั้นตอน เริ่มจากการเตรียมการ, การเผชิญเหตุ, การควบคุมหากสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต และสุดท้ายเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ จะดำเนินการอย่างไรต่อ ที่สำคัญของแผนกรกฎ 52 จะอยู่ในช่วงเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งตำรวจจะต้องปฏิบัติตาม 10 ลำดับขั้นตอน ตั้งแต่การใช้คำสั่งเตือน จนถึงการใช้อาวุธที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็อาจถึงขั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ หรือประกาศกฎอัยการศึก แต่ภาพรวมแล้วแผนกรกฎ 52 ที่จะใช้ในการชุมนุมวันที่ 19 และ 20 ก.ย.นี้ เป็นเพียงกรอบที่ใช้ปฏิบัติเท่านั้น
ตั้งจุดคัดกรองรอบพื้นที่การชุมนุม 4 จุด
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในการรับมือผู้ชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ ตำรวจจะใช้แผนกรกฎ 52 ควบคู่กับ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ และจะตั้งจุดคัดกรองรอบพื้นที่การชุมนุม 4 จุด รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยจะตรวจค้นอาวุธ ตรวจวัดอุณหภูมิ จึงขอผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือในการดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย
