รฟม.แจงปมล็อกสเปก "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ยันโปร่งใส

เศรษฐกิจ
25 ก.ย. 63
17:20
226
Logo Thai PBS
รฟม.แจงปมล็อกสเปก "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ยันโปร่งใส
ผู้ว่าฯ รฟม. ยืนยัน การปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โปร่งใส ไม่ล็อกสเปก มีกฎหมายรองรับ พร้อมระบุ หากบีทีเอสมั่นใจว่าข้อเสนอดี มีคุณภาพก็ไม่ต้องกังวล กำหนดให้ยื่นข้อเสนอในวันที่ 9 พ.ย.นี้

วันนี้ (25 ก.ย.2563) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาส ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์)ว่า การประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอก ชน พ.ศ.2562 รฟม.ได้ประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีกำหนดยื่นซองเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนในวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ต่อมาคณะกรรมการฯ ได้มีมติปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอ

จากเดิมที่พิจารณาซองเทคนิค และซองการลงทุนและผลตอบแทน แยกจากกัน เพราะเห็นว่าเป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะส่วนตะวันตก ซึ่งเทคนิคการก่อสร้างมีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นการดำเนินงานก่อสร้างใต้ดินทั้งหมด ประกอบกับแนวเส้นทางที่พาดผ่านเข้าในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่อ่อนไหวหลายแห่ง โดยเฉพาะกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นในต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการเดินรถไฟฟ้าที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง

 

 

นายภคพงศ์ กล่าวว่า รฟม.สามารถปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอเป็นไปตามมาตรา 35 และมาตรา 38 ตามพ.ร.บ.ร่วมทุน ที่สามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงได้ ก่อนวันยื่นซองเอกสารข้อเสนอ รฟม โดยสาเหตุการเปลี่ยนแปลงวิธีประเมิน หลังขายซองเอกสารประมูลไปแล้ว เพราะมีระยะเวลากระชั้นชิด จึงต้องเร่งประกาศขายซองออกไปก่อน แต่มีแนวคิดตั้งแต่รับฟังความเห็นเอกชนได้มีหนังสือแจ้งเมื่อ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาต่อเอกชนที่ซื้อซองเอกสารว่า จะพิจารณาข้อเสนอทั้งด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคาควบคู่กันไป

ได้ขยายเวลาการยื่นข้อเสนอออกไปจากเดิม 23 ก.ย.63 เป็นวันที่ 9 พ.ย.นี้ หรือมีระยะเวลาก่อนยื่นข้อเสนอมากกว่า 70 วัน ยืนยันว่าการปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอจะไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบเพราะทุกรายได้ข้อมูลเหมือนกัน

ยันทำตามกฎหมาย-แนะปรับทีโออาร์ให้ตรงจุด

ส่วนโครงการมีการใช้คะแนนเทคนิคมาร่วมการพิจารณาด้วย นายภคพงศ์ ยืนยันว่า รฟม.ไม่ได้ทำรายแรก การใช้เกณฑ์ทางเทคนิคถูกนำมาใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงแรก ปี 2541 โครงการทางด่วนระยะที่ 2 และโครงการอี-พาสปอร์ต ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีการออกกฎหมาย พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ว่าถ้าเป็นการจ้างที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องดูคุณภาพการจัดซื้อจัดจ้างตามความต้องการภาครัฐ ในการพิจารณาการประเมินข้อเสนอไม่ได้ให้น้ำหนักด้านเทคนิคมากเกินไป คือให้คะแนน 30 คะแนน ส่วนด้านการเงิน 70 คะแนน ซึ่งในนี้จะมีความน่าเชื่อถือของสมมุติฐานด้านการเงินด้วยอีก 10 คะแนน

ยืนยันทำตามกฎหมาย และทั้งหมดยังไม่ได้เป็นผู้ยื่นข้อเสนอ เห็นว่าแทนที่จะเดินสายออกสื่อ ควรมาปรับปรุงข้อเสนอเป็นไปตามเอกสารที่ปรับปรุงมากกว่า เพราะระยะเวลาที่ให้มากกว่าที่กำหนดในช่วงแรก 10 กว่าวัน น่าจะเอาเวลาไปทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นคู่สัญญาสายสีส้มได้ ท่านมีข้อกังวลใด ถ้าของดีมีคุณภาพในการใช้งาน มีประโยชน์ต่อภาครัฐ และประชาชน ก็ไม่เห็นต้องกังวล

เปิดให้ยื่นข้อเสนอ 9 พ.ย.นี้ 

ส่วนกรณีที่เอกสารการประมูลระบุว่าเอกชนที่ยื่นข้อเสนอต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ทำอุโมงค์ใต้ ที่มีรัศมีไม่น้อยกว่า 5 เมตร และมีมูลค่างานไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทนายภคพงศ์ ระบุว่า ผู้ดำเนินการงานโยธา สามารถมีบริษัทที่เป็นผู้รับจ้างช่วง หรือซับคอนแทรคได้ ไม่ต้องซื้อซองเอกสารก็ได้

ปัจจุบันมีผู้รับเหมาที่เคยทำอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา 2 ราย ส่วนผู้รับเหมาขนาดใหญ่ที่ทำงานอุโมงค์ เช่น อุโมงค์ผันน้ำเขื่อนแม่งัด อุโมงค์กทม.และของรฟม.มีผู้มีประสบการณ์ 4-5 ราย ไม่รวมต่างประเทศจากญี่ปุ่น จีน และยุโรป หากเอกชนรายใดเป็นผู้มีประสบการณ์ทำอุโมงค์ และเป็นผู้รับเหมาของไทย ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่รฟม.สงวนสิทธิ์กำหนดเกณฑ์ย่อยด้านเทคนิคหลังจากรับข้อเสนอแล้ว

ส่วนกรณีที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา และได้นัดไต่สวน รฟม.เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ รฟม.ขอเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากในคำร้องบีทีเอสมีการอ้างอิงเอกสารในคำฟ้องหลัก เอกสารคำฟ้องหลักไม่เห็นไม่ได้แนบมา และรอศาลนัดใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินก็พร้อมปฏิบัติตามแต่เชื่อว่าศาลจะรับฟัง

เบื้องต้น รฟม.จะให้ยื่นข้อเสนอในวันที่ 9 พ.ย.นี้ และจะพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติและเปิดซองในวันที่ 23 พ.ย.นี้ และจะเปิดข้อเสนอด้านเทคนิค และด้านราคาพร้อมกันที่ต้องใช้เวลาการประเมินคาดว่ารู้ผลต้นปี 64 หรือประมาณเดือน ม.ค.64

ข่าวที่เกี่ยวข้อง