วันนี้ (1 ต.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงแรมย่านกะตะ จ.ภูเก็ต ติดตั้งห้องวอร์รูมภายในโรงแรม เพื่อติดตามนักท่องเที่ยวต่างชาติในห้องพัก ที่จะเข้ามากักตัวในโรงแรม เป็นการเตรียมพร้อมหากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยภายในห้องวอร์รูม จะมีโควิด เมเนเจอร์ ทีมแพทย์ พยาบาล ตำรวจและทหาร ที่จะผลัดเวรตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานโรงแรมที่ได้รับการอมรมจะสวมใส่หน้ากากอนามัย เสื้อคลุมกันเชื้อ
ภายในห้องพัก ได้ปรับปรุงเป็นเขตปลอดเชื้อ ไร้พรม และเฟอร์นิเจอร์บางส่วนห่อหุ้มด้วยพลาสติก มีถุงสีแดงแยกขยะติดเชื้อ ส่วนประตูทุกบานจะถูกล็อกจากด้านนอก การส่งอาหารทุกมื้อจะวางจากด้านนอก เมื่อกักตัวครบ 5 วันแรก ผู้กักตัวต้องตรวจหาเชื้อและจะตรวจอีกครั้งเมื่อครบ 11 วัน
ทางโรงแรมยืนยันว่า จะไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนหลุดรอดออกไปและในช่วงกักตัว 14 วันจะต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นมาตรการที่โรงแรมต้องทำเพื่อควบคุมโรคและลดกระทบต่อชุมชน
สุมาลี จินดาไทย รองผู้จัดการโรงแรม คาดหวังว่า การปรับปรุงห้องพักกว่า 71 ห้อง รองรับได้ 213 คน เพื่อเป็นสถานที่กักตัวทางเลือกในต่างจังหวัด จะมีรายได้เข้ามาอย่างน้อย 15 ห้องต่อวัน คุ้มค่ากับการลงทุนหลักล้าน
แต่อาจมีความเห็นอีกด้าน อย่างโรงแรมในหาดป่าตองแห่งหนึ่งที่กำลังรอการตรวจสอบ โดยเตรียมห้องพักบริเวณชั้น 4 จำนวน 20 ห้องเป็น Local State Quarantine ต้องปฎิบัติตามขั้นตอนต่างๆ เช่น พรม ระบบแอร์ ประตูปิดกั้น เดิมทีโรงแรมแห่งนี้ขอถอนตัวจาก Local State Quarantine เพราะลงทุนสูงและนโยบายรัฐไม่ชัดเจน
ปัจจุบันมีโรงแรมใน จ.ภูเก็ต ที่ผ่านการตรวจสอบและเป็น Local State Quarantine ประมาณ 10 แห่ง รองรับได้กว่า 1,200 ห้อง และยังมีโรงแรมอีกกว่า 70 แห่งกำลังขอยื่น รวมกว่า 5,000 ห้อง ขณะที่ นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่าทั้งโรงแรมและบุคคลากรทางการแพทย์ เพียงพอต่อรองรับนักท่องเที่ยวหลักพันคน
ล่าสุด มีนักท่องเที่ยวจากอิตาลี เยอรมัน สแกนดินีเวีย จีน ที่แจ้งว่าต้องการจะเข้ามากักตัวในภูเก็ต ซึ่งภาคธุรกิจโรงแรมมั่นใจว่าพร้อมจะรองรับ หากกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง